รีวิวเที่ยวเมืองเล็กในยุโรป — เมืองเลดนิเซ่ (Lednice) เมืองโอโลมุค (Olomouc) และเมืองเบรอโน่ ประเทศเชค

เมืองเลดนิเซ่ (Lednice) เมืองเล็ก ๆ นี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเชค ในเขตโมราเวียใต้ แล้วยังไงโผล่มาเที่ยวที่นี่ได้ เชื่อว่าหลาย ๆ คนไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนแน่ ๆ ไม่เหมือนเมืองหลวง กรุงปรากหรือเมืองเชสกี้ คลุมลอฟ หลายทริปที่เที่ยวประเทศเชค ออสเตรีย หรือบางครั้งยาวไปสโลวาเกีย ฮังการี และไม่อยากวิ่งรถนานเกินไป ก็แวะเมืองนี้ระหว่างทางได้ค่ะ น่าสนใจอยู่ไม่น้อย (credit : geology.com) เมืองเลดนิเซ่-เมืองวัลทิเซ่ (Lednice-Valtice) เป็นที่รู้จักในฐานะเมืองมรดกโลกขององค์การยูเนสโก้ในด้านภูมิทัศน์วัฒนธรรม (credit: Wikepedia) มีประชากรประมาณ 2,300 คน พื้นที่ส่วนมากในเขตนี้เป็นไร่องุ่นและโรงบ่มไวน์ ออกแนวธรรมชาติ ๆ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงปรากประมาณ 250 กิโลเมตร ถ้านั่งรถก็ประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ถ้านั่งรถจากปรากไปเวียนนา หรือปรากไปบราติสลาว่า ประเทศสโลวาเกียก็ราว ๆ 4 ชั่วโมงกว่า ๆ ได้ค่ะ วันนี้เข้าพักกันที่โรงแรม Mario ตั้งอยู่เยื้อง ๆ กับประตูทางเข้าปราสาทเลดนิเซ่  โรงแรมเล็ก ๆ มีแค่ 3 ชั้น ถ้าใครได้ห้องชั้น 3 ก็จะได้ห้องเพดานเอียง ๆ แบบนี้ค่ะ ที่เห็นขาว ๆ ติดผนังใต้หน้าต่างเป็นฮีตเตอร์ส่วนแอร์หาไม่เจอค่ะเพราะว่าไม่มี ถ้ามาหน้าร้อนนี่ต้องคิดอีกที ยุโรปหน้าร้อนก็ร้อนเอาเรื่องเหมือนกันนะคะ มื้อเย็นไปทานอาหารกันที่ Restaurant U Tlustých เดินจากโรงแรมไปไม่ถึง 3 นาที ร้านน่ารัก อาหารอร่อย มีทั้งเป็ด ไก่ หมู อบ ย่าง สเต็กเนื้อ สลัด ซุป ขนมหวาน จานใหญ่มาก แต่อาหารติดรสชาติเค็มไปหน่อย อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่าคนแถบนี้รสเค็มนำมาก่อนเลย ส่วนถ้าคอ L ก็มีให้เลือกทั้งไวน์แบบขวด แบบแก้ว ไวน์ขาว ไวน์แดง เบียร์ รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ –> http://www.utlustych.cz/cz ตื่นเช้ามาพระอาทิตย์กำลังขึ้นเลย ประตูทางเข้าปราสาทเลดนิเซ่ เปิด 24 ชั่วโมง ไปเดินเล่นสูดอากาศช่วงเช้ากันก่อนค่ะ จากโรงแรมเดินไปนิ๊ดดดเดียวแผนที่ปราสาท แสดงให้เห็นพื้นที่ที่ใหญ่มากกกกกปราสาทเลดนิเซ่ ได้เริ่มสร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 13 โดยสภาของลิกเกนสไตน์ และในศตวรรษที่ 17 ได้กลายเป็นพระราชวังฤดูร้อนของเจ้าชายลิกเกนสไตน์ เพื่อมาใช้พักผ่อนในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ด้านในมีทั้งโถงรับรอง ห้องนอน ห้องรับแขก โบสถ์เล็ก ๆบริเวณด้านหน้าปราสาทจนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อเชคตกอยู่ในการปกครองของคอมมิวนิสต์ ทางลิกเกนสไตน์ที่ปกครองที่นี่มาในช่วงปี 1395-1945 ก็ต้องย้ายข้าวของต่าง ๆ ออกไป มีทั้งรูปภาพ งานปั้น ของตกแต่งทั้งหลาย แต่ที่ถอดไปไม่ได้คือบันไดวนที่ทำจากไม้ชิ้นเดียว ซึ่งกลายเป็นมรดกคู่กับปราสาทแห่งนี้  (credit: pininterest)คิดไม่ถึงว่าจะมีปราสาทสวยงามซ่อนตัวอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ ด้านตรงข้ามของปราสาทมีโบสถ์เล็ก ๆ หลังเก่าตั้งอยู่ถ้ามาช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อน ประมาณปลายเดือนเมษายนเป็นต้นไปก็จะเริ่มเห็นดอกไม้งาม ๆ ดอกทิวลิปก็มีกับเค้าด้วยที่นี่มีสวนเรือนกระจกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 สมัยที่ราชวงศ์ลิกเกนสไตน์ได้มาพักที่นี่ ส่วนมากจะเป็นพืชเขตร้อนหรือกึ่งเขตร้อนที่ไม่มีในยุโรป ข้าง ๆ กันก็จะมีสวนสวย ๆ ให้เดินเล่นกันไปไปดูด้านหลังกันบ้าง ถ้ามาในช่วงอากาศดีหน่อยคือไม่ค่อยหนาวและยิ่งถ้าตรงกับวันหยุดคนก็จะเยอะไปอีกเพราะที่นี่มีกิจกรรมให้ทำตามความสะดวกเลยค่ะ ทั้งเดินเล่น  ปิคนิค ขี่จักรยาน ถ่ายรูป หรือกลุ่มทัวร์มาส่องดูนก ส่วนมากเป็นคนเชคหรือไม่ก็เป็นทัวร์ฝรั่งมากกว่า ทัวร์เอเชียยังไม่เคยเจอค่ะเดินวน ถ่ายรูปกันไปค่ะ ตรงนี้เป็นบริเวณด้านหลังปราสาทและด้านข้าง แอบส่องโบสถ์เล็ก ๆ อีกรูปในช่วงปลายเดือนเมษายน ดอกไม้บานสะพรั่งกับจักรยานคู่ใจยืนรอจนแก๊งค์จักรยานหายไป ขอปิดท้ายด้วยรูปยามค่ำคืน เปิดไฟแล้วก็สวยไปอีกแบบ ถ้าใครวางแผนเดินทางแล้วพอมีเวลาก็สามารถเลือกมาแวะพักที่เมืองเลดนิเซ่ได้ค่ะ เป็นตัวเลือกที่เชื่อว่ามาแล้วไม่ผิดหวังแน่ ๆ  เมืองต่อไปในประเทศเชคที่เคยแวะไปเที่ยวกันคือเมืองโอโลมุค (Olomouc) ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศเชค บนฝั่งแม่น้ำโมราวา เป็นเมืองหลักและเมืองหลวงของแคว้นโมราเวีย มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศ และเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของเขต Haná จนกระทั่งช่วงกลางศตวรรษที่ 17 เมืองนี้ได้รับการพิจารณาให้เป็นเมืองหลวงของแคว้นโมราเวียคู่กับเมืองเบรอโน่ (Brno) เมืองนี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีโดยเฉพาะในย่านใจกลางเมืองเก่าถือว่าเป็นอีกเมืองที่มีความสวยงามมากและได้รับการคัดเลือกให้เป็นเมืองมรดกโลก ย่านใจกลางเมืองเก่าบริเวณจัดุรัสด้านบน (Uppder Square) จะเห็นอนุสาวรีย์ The Holy Trinity Column มาแต่ไกล ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจัตุรัสหลัก Horní náměstí  เป็นอนุสาวรีย์ทางศาสนาที่สร้างขึ้นในสไตล์บารอค ใช้เวลาสร้าง 38 ปี และเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1754 มีความสูง 35 เมตร เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่รอดพ้นจากโรคระบาดในโมราเวียช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ภายในเสา มีโบสถ์เล็ก ๆ ตั้งอยู่ อนุสาวรีย์คล้าย ๆ แบบนี้มีในประเทศเชคมีตั้งอยู่ในหลายเมืองแต่ที่ดูสวยงามที่สุดสำหรับคนเชคก็น่าจะเป็นที่นี่ คนออกแบบและคนปั้นหรือคนที่มีส่วนร่วมกับการสร้างอนุสาวรีย์นี้เป็นคนจากโอโลมุคทั้งหมด เลยทำให้อนุสาวรีย์นี้เป็นความภาคภูมิใจของคนที่นี่ และได้รับการบันทึกให้เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก้ในปี ค.ศ. 2000 เป็นลำดับที่ 10 ของประเทศเชค (credit : amazingchechia.com) ช่วงที่เราไปเห็นตรงอนุสาวรีย์มีจุดเทียนและวางดอกไม้ เลยทราบว่ามีนักร้องชื่อดังของเชคเพิ่งเสียชีวิต ผู้คนเลยออกมาจุดเทียนและดอกไม้แสดงความอาลัย กลับมาแล้วถึงไปค้นประวัติอ่านดูเป็นนักร้องชื่อดังมากของเชคชื่อ Karel Gott ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น Sinitra of the East เสียชีวิตในวัย 80 ปี ในวันที่ 01 ตุลาคม 2019 ด้วยโรคลูคิเมีย ออกอัลบั้มเกือบ 300 อัลบั้มตั้งแต่ในช่วงกลางทศวรรษ 1960 โดยมียอดขายกว่า 10 ล้านก็อปปี้ทั่วโลก ถือว่าเป็นนักร้องยอดนิยมหลังม่านเหล็กและเป็นที่รู้จักในนามเสียงทองของปราก มีชื่อเสียงในยุโรปตะวันตกโดยเฉพาะในประเทศเยอรมนี และในประเทศเชคเองถือว่า Karel Got เป็น King of the Czech pop music เลยทีเดียวนอกเหนือจากอนุสาวรีย์นี้แล้ว ยังมีศาลาว่าการ (Town Hall) แต่ตอนนี้ปิดซ่อมแซมอยู่ค่ะ เหมือนศาลาว่าการที่กรุงปราก ที่นี่ก็มีนาฬิกาดาราศาสตร์เหมือนกัน ได้รับการออกแบบใหม่ครั้งแรกใน ค.ศ. 1898 และครั้งที่ 2 ถูกทำลายลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ได้มีการซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ และสัญลักษณ์ที่โดดเด่นอีกอย่างของเมืองนี้ก็คือน้ำพุ น่าจะมีอย่างน้อย 25 จุด ประมาณ 7 จุดที่สร้างขึ้นในสไตล์บารอค น้ำพุที่เก่าแก่ที่สุดชื่อน้ำพุเนปจูน สร้างในปี ค.ศ. 1683 หรือ 300 กว่าปีมาแล้ว และน้ำพุจูปิเตอร์ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1707 โดยน้ำพุทั้งสองนี้ตั้งอยู่จัตุรัสตอนล่าง และเราก็จำไม่ได้ว่าได้เดินไปดูหรือเปล่าหรือเดินแล้วไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ รูปนี้เป็นน้ำพุใกล้อนุสาวรีย์ตรงจัตุรัสด้านบน

เมืองนี้มีขนาดเล็ก เป็นที่ตั้งของหลายมหาวิทยาลัย ที่เดินสวน ๆ กันเลยเห็นเป็นนักศึกษาซะส่วนมาก มีร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ ๆ หลายร้านอยู่ เมืองนี้อาจจะไม่ใช่เมืองหลักของนักท่องเที่ยวแต่ถ้าใครมีโอกาสผ่านมาเส้นทางแถว ๆ นี้ก็มาเดินเล่นชิล ๆ ได้ค่ะ