รีวิวเที่ยวลอนดอน ตอนที่ 4 ทริปอังกฤษ สก็อตแลนด์ เวลส์ ไอร์แลนด์และไอร์แลนด์เหนือ 16 วัน 15 คืน

จากเมือง Bourton-on-the-water ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึงลอนดอน เมืองหลวงของประเทศอังกฤษกันแล้วค่ะ มาลอนดอนทั้งทีพลาดไม่ได้กับที่นี่เลย…ห้างแฮรอด (Harrods) ห้างสรรพสินค้าหรูหราบนถนน Brompton ในย่าน Knightsbridge
ร้านค้าหลายร้านภายในห้างมีชื่อเสียงระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นพวกแบรนด์เนมดัง ๆ อย่าง LV,Gucci,Dior ที่ได้รับความน่าสนใจมากก็คือโซน Food Hall ที่ได้รับการยอมรับกันทั่วโลกว่าเป็น Food Hall ที่หรูหรามากมีความคุณภาพดีและความหลากหลายของอาหารสูง และอีกแผนกยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวคือแผนกของฝากที่ขายของแฮรอด เช่น กระเป๋าผ้า PVC ของแฮรอด, ตุ๊กตาหมี , ช็อคโกแลต พวงกุญแจ ร่ม ถ้วยการแฟ กาชงชา กล่องชา จานชาม กระเป๋าใส่ดินสอ ถุงมือหนาสำหรับทำกับข้าว นาฬิกา เครื่องสำอางค์ ครีม สบู่ และที่สะดวกมากคือซื้อสินค้าที่ห้างนี้แล้วสามารถทำ tax refund ที่นี่ได้เลยd5
ผู้ก่อตั้งห้าง Harrods คือ Henry Edward Harrod ก่อตั้งห้างขึ้นในปี 1824 โดยวัยเพียง 25 ปีเท่านั้น เริ่มจากร้านเล็ก ๆ ใน Southwalk ทางใต้ของแม่น้ำเทมส์ อีก 10 ปีต่อมา ก็ได้ก่อตั้งร้านขายส่งใน Stepney  และในปี 1849 ได้ซื้อร้านค้าขนาดเล็กแห่งหนึ่งในเขต Knightbridge ซี่งก็คือที่ตั้งห้างในปัจจุบัน เพราะช่วงนั้นมีการจัดนิทรรศการอุตสาหกรรมนานาชาติใกล้กับ Hyde Park เริ่มจากร้านค้าเพียงห้องเดียว ผู้ช่วย 2 คน คนส่งเอกสาร 1 คน ปัจจุบันห้างมีพนักงานกว่า 5,000 คนจาก 50 ประเทศ คนไทยก็มีนะคะ ปัจจุบันกิจการของห้าง Harrods ไม่ได้เป็นของตระกูล Al Fayed มหาเศรษฐีชาวอียิปต์แล้วนะคะ ผู้ที่ซื้อกิจการต่อไปคือบริษัท Qatar Holding ซึ่งเจ้าของก็คือราชวงศ์กาตาร์ หลังจากที่ Mohamed Al Fayed ได้ขายกิจการให้ในปี ค.ศ. 2010 ซึ่งมีมุลค่า 1.5 พันล้าน d6
สมกับเป็นห้างแฮรอดจริง ๆ ค่ะ ไม่เห็นมีใครออกมามือเปล่าเลยซักคน ^^ หลังจากนี้เราก็ไปทานอาหารเย็นกันที่ร้าน Mitsukoshi แถว Lower Regent street แล้วก็พาเข้าพักที่ Holiday Inn Kensington Forum รูปล่างนี้เป็น Picadilly Circus กับรถเมล์สีแดง 2 ชั้น สัญลักษณ์คู่กรุงลอนดอนd7d8วันเดินทางที่ 15 : อีก 2 วันที่เหลือเราจะเที่ยวกันอยู่ในลอนดอนค่ะ เมืองนี้มีที่เที่ยวมากมาย จริง ๆ แค่ 2 วันสำหรับลอนดอนถือว่าน้อยไปแต่ส่วนมากสมาชิกเราเคยมาเที่ยวกันแล้วและถ้าจะให้นานกว่านี้ก็คงไม่ไหวละค่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวคนที่บ้านจะเชิญออกจากบ้านได้ เที่ยวกันทีหายไปเลย เช้านี้ไปเที่ยวทาวเวอร์ออฟลอนดอนกัน (Tower of London) รถกำลังแล่นผ่านทาวเวอร์บริดจ์ (Tower Bridge)d9Tower of London หรือหอคอยแห่งลอนดอนมีอายุ 900 กว่าปีแล้ว สร้างในสมัยพระเจ้าวิลเลียม ในปี ค.ศ. 1078 จากพระราชวังมาเป็นป้อมปราการ คุมขังนักโทษชั้นสูง คลังเก็บอาวุธ ลานนักโทษประหาร โรงกษาปณ์ แม้กระทั่งสวนสัตว์ก็เคยเป็นมาแล้ว กษัตริย์หลายพระองค์ก็ได้พำนักที่นี่ มีการสร้างหอคอยเพิ่มเติมจนใหญ่โต จนถึงช่วงศตวรรษที่ 16 ราชสำนักได้ย้ายไปอยู่ที่พระราชวังแห่งใหม่นั่นก็คือ พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ซึ่งปัจจุบันก็คือตึกรัฐสภา และที่นี่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1988d10d11d14ปืนใหญ่ ปืนเล็กยังมีให้เห็นอยู่d12d13จุดที่ดูได้รับความสนใจมากคือห้องนิรภัยในโรงทหารวอเตอร์ลู ที่อยู่ทางทิศเหนือของหอคอยขาว เพราะเป็นที่เก็บสมบัติของราชวงศ์ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้เลย เช่น มหามงกุฎอิมพิเรียล (Imperial State Crown)  ตัวมงกุฎประดับด้วยเพชร 2,868 เม็ด, ไข่มุก 273 เม็ด, แซฟไฟร์ 17 เม็ด, มรกต 11 เม็ด, และทับทิม 5 เม็ด มงกุฎองค์นี้มีเพชรสำคัญที่สุดของราชวงศ์อังกฤษ ได้แก่เพชรคูลลิแนน 2 (หรือ ดาวน้อยแห่งแอฟริกา) ขนาด 317.4 กะรัต ประดับอยู่บริเวณฐานของมงกุฎตรงกลางพอดี ซึ่งเพชรนี้เป็นเพชรย่อย 1 ใน 9 เม็ดของเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลกชื่อว่า เพชรคูลลิแนน พบที่เหมืองพรีเมียร์แห่งแอฟริกาใต้ ซึ่งได้นำขึ้นถวายเป็นบรรณาการแก่สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ในปี ค.ศ. 1905 ส่วนคฑาประจำราชวงศ์ประดับด้วยเพชรเม็ดใหญ่ที่สุดในโลก ขนาด 530 กะรัตd15
จะผ่านมากี่ปี ๆ เครื่องแบบก็ยังเหมือนเดิม เห็นปุ๊บรู้ปั๊บว่าเป็นทหารอังกฤษบนกล่องคุ้กกี้..อ่ะอ่ะ ไม่ใช่ละd16d21ด้านในมี security แน่นหนาแน่นอนเพราะของบางชิ้นอย่างมงกุฎพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ที่จะทรงสวมในพิธีสำคัญ ๆ ก็เก็บรักษาไว้ที่นี่ การเข้าชมก็ยืนบนทางเลื่อนอัตโนมัติเป็นแถวเรียงหนึ่ง ถ้าชมไม่ทันก็วนมาชมใหม่ได้ค่ะ สวยงาม เลอค่ามากจริง ๆd17d27นอกจากนั้นยังมีหอคอยเลือด หอคอยเขียว หรือ Tower Green ที่ถือว่าเป็นหอคอยที่น่ากลัวที่สุด เพราะเป็นที่กักขังและลานประหารสมาชิกราชวงศ์ เช่นพระนางแอนน์ โบลีน และพระมเหสีแคทเธอรีน โฮเวิร์ด พระมเหสีในพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ในข้อหาคบชู้d23หรือในยุคถัดมาในสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ที่สละราชบัลลังก์ให้เลดี้เจน เกรย์ ลูกพี่ลูกน้องของพระองค์เพราะพระองค์มีพระวรกายไม่แข็งแรง แทนที่จะเป็นพระนางแมรี่ เมื่อสิ้นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 พระนางแมรี่จึงมาทวงราชบัลลังก์คืน เลดี้เจน เกรย์ก็คืนให้แต่โดยดี แต่พระนางแมรี่ก็ยังไม่ไว้วางใจ เลยสั่งประหารเลดี้เจน เกรย์ในวัย 16 พรรษา และเพิ่งขึ้นครองราชย์ไปได้เพียง 9 วัน ทั้งยังสั่งจับกุมและประหารตระกุลลอร์ดดัดลีย์และพี่น้องอีก 4 คน ในข้อหาสนับสนุนเลดี้เจน เกรย์ คือถ้าพระนางไม่วางใจใคร สงสัยใครไม่จงรักภักดี นางสั่งคุมขัง ไม่ก็ประหารทิ้งเลย จนได้รับสมญานามว่า Bloody Mary ด้วยประการฉะนี้….และเมื่อสิ้นพระนางเพราะไม่มีรัชทายาทมาสืบบัลลังก์ต่อ คนที่ครองบัลลังก์ต่อก็คือเจ้าหญิงอลิซาเบธ หรือสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 1 ที่ปกครองอังกฤษจนเจริญรุ่งเรืองและแผ่อาณานิคมไปทั่ว และพระองค์ก็ครองพรหม์จรรย์จนสิ้นพระชนม์ จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “ราชินีพรหมจรรย์”แต่ครั้งหนึ่งพระนางก็เคยถูกคุมขังที่คุกแห่งนี้เช่นกัน โดยพระนางแมรี่พระองค์เดิมนี่แหละd18d22จาก Tower of London มองไปเห็น Tower Bridge เดี๋ยวเราค่อยไปกันค่ะd19d26เจ้าหน้าที่ในหอคอยจะแต่งตัวในเครื่องแบบโบราณที่เรียกว่า Yeoman Warders หรือ Beefeaters มีขึ้นในสมัยพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 มีชื่อเรียกนี้เพราะในอดีตคือทหารรักษาพระองค์มีหน้าที่เฝ้าโต๊ะเสวย แต่ในปัจจุบันเป็นผู้คุมดูแลรักษาหอคอยแทน ดูแล้วไม่รู้แกจะเบื่อมั้ย วันๆ มีแต่คนมาขอถ่ายรูป ถึงกับเมินหน้าหนีเลยทีเดียว และสัญลักษณ์ที่สำคัญของหอคอยนี้อีกอย่างก็คือฝูงอีกา หรือ Ravens ที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ว่ากันว่าถ้าเมื่อใดไม่มีฝูงอีกานี้แล้ว เมื่อนั้นก็จะถึงวันอวสานของหอคอยนี้พร้อมกับราชวงศ์อังกฤษd20ชม Tower of London เรียบร้อยแล้ว เราก็เดินออกมาถ่ายรูปสะพานทาวเวอร์ บริดจ์ (Tower Bridge) ตั้งอยู่ไม่ไกลกันค่ะ เดินแค่นิดเดียว รอเวลาไปขึ้นเรือล่องแม่น้ำเทมส์กันd25d24
จัดว่าเป็นหนึ่งในสะพานที่สวยที่สุดในโลกและยังเป็นสะพานที่เปิดยกได้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย แบบที่สร้างมาจากการตัดสินจากนักออกแบบที่ส่งเข้าประกวด ใช้เวลาตัดสินเป็น 10 ปี ผู้ชนะคือ นายฮอเรซ โจนส์ และใช้เวลาสร้างอีกประมาณ 8 ปีค่ะ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1894d28
ได้เวลาแล้วก็เดินไปขึ้นเรือล่องแม่น้ำเทมส์ City cruises ที่ท่า Cherry Garden บริเวณนั้นค่ะ มีที่นั่งด้านบนชมวิวพาโนราม่า พร้อมลมและแดด หรือถ้าใครไม่อยากให้ซันบล็อคทำงานมากเกินไปก็มีที่นั่งด้านล่างค่ะd31ธงสหราชอาณาจักรกับธงอังกฤษปลิวไสวอยู่บนสะพานd39อีกมุมของ Tower of London จากบนเรือd30เดอะชาร์ด (The Shard) ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในทวีปยุโรปตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2012 และเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงเป็นอันดับ 2 ของสหราชอาณาจักร รองจากหอโทรคมนาคมเอ็มเลย์มัวร์ที่มีความสูง 330 เมตรd29d33ผ่านไปได้จังหวะดีทีเดียว บริเวณพิพิธภัณฑ์เรือรบ HMS Belfast เรือปลดประจำารบรรทุกปืนใหญ่ที่เคยผ่านสมรภูมิรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเกาหลีd32
ลอดผ่านสะพานลอนดอน (London Bridge) ที่หลายคนนึกว่าเป็นอันเดียวกับ Tower Bridge คนละอันนะคะ London Bridge is falling down…falling downd34
ระหว่างแล่นเรือก็จะมีคำอธิบายแต่ละสถานที่ซ้ายขวา สลับกันไป ป้าก็ฟังบ้างไม่ได้ฟังบ้าง มัวแต่ถ่ายรูปd35d36มาถึงสะพานโกลเด้นจูบิลี (Golden Jubilee) หรือสะพานฮังเกอร์ฟอร์ด (Hungerford Bridge) เดิมชื่อฮังเกอร์ฟอร์ดมีไว้ให้รถไฟวิ่ง แต่เมื่อปี ค.ศ. 1999 ได้สร้างสะพานคนข้ามขึ้นมาคร่อมทั้งสองฝั่งของสะพาน โดยเปิดใช้งานเมื่อปี ค.ศ. 2002 และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ 50 ปี ของพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 จึงได้ตั้งชื่อว่าโกลเด้นจูบิลีd37มองตรงไปจะเห็นมหาวิหารเซนต์ พอล (St.Paul’s Cathedral) มหาวิหารหลังนี้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่หลังจากหลังเดิมที่ถูกทำลายไปในช่วงไฟไหม้ใหญ่ในกรุงลอนดอนเมื่อปี ค.ศ. 1666 เป็นที่จัดพระราชพิธีสำคัญ ๆ เช่นพระราชพิธีฉลองการครองราชย์ครบ 60 ปีของพระราชินีวิคตอเรีย พิธีศพของนายกรัฐมนตรีวินสตัน เชอร์ชิล ผู้นำในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และที่คนจำกันได้มาก ๆ เลยคือพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าฟ้าชายชาร์ลสและเจ้าหญิงไดอาน่าในปี ค.ศ.1981d38
d40
ใกล้ถึงที่หมายแล้วค่ะ มองเห็นลอนดอนอายและพระราชวังเวสต์มินสเตอร์แล้ว ณ บัดนาวเก้าอี้โล่งเลย ทุกคนลุกขึ้นยืนกันหมด…รวมทั้งป้าด้วย แหะๆd41d42d43d44
d45ขึ้นจากเรือแล้ว เห็นพี่บิ๊กเบนตั้งตระหง่านอยู่ แต่เดี๋ยวเราจะเดินข้ามสะพานไปขึ้นลอนดอนอายกันก่อนค่ะ d47d48มาถึงแล้วจากฟ้าใส ๆ กลายเป็นสีหม่น ๆ แล้ว นี่แหละน๊าลอนดอน อย่าเพิ่งตกน๊า….รีบไปจัดการซื้อตั๋วเรียบร้อย ก็เตรียมรอขึ้นกระเช้าลอนดอนอายเลยค่ะ ช่วงที่รอต้องใจร่ม ๆ นิดนึง คิวยาวมากกกก รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ https://www.londoneye.com/d46London eye ถือเป็นอีกจุดไฮไลท์ท่องเที่ยวของลอนดอน มีความสูง 135 เมตร และมีแคปซูลบรรจุได้ครั้งละประมาณ 25 คน ทั้งหมด 32 แคปซูล ใช้เวลาหมุนรอบละประมาณ 30 นาที d49
วิวสวนสาธารณะจากฝั่งที่ขึ้นลอนดอนอายd50สะพานโกลเด้นจูบิลี จากมุมสูงd51
วิวพระราชวังเวสต์มินสเตอร์และบิ๊กเบนd52d56d53เทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่รอขึ้นและราคา รอบนึงไม่อยากจะคิดว่ารายได้เท่าไหร่เนี่ย แต่สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราก็ถือว่าคุ้มค่าค่ะ ไม่ได้ขึ้นกันบ่อย ๆ หนิd54d55
พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ที่ปัจจุบันกลายเป็นรัฐสภาแทนที่พระราชวัง มีความยาวถึง 280 เมตร มีห้องกว่า 1,000 ห้องd57ช่วงเย็นไปช้อปปิ้งกันที่ Oxford Street แล้วก็กลับไปแพคกระเป๋ากันค่ะ พรุ่งนี้ต้องขึ้นเครื่องกลับบ้านแล้ว (credit: oxfordstreet.co.uk)d58วันเดินทางที่ 16  : วันเที่ยววันสุดท้ายของทริปนี้และเป็นวันแห่งการชมวัง; พระราชวังบัคกิ้งแฮม (Buckingham Palace) และพระราชวังวินเซอร์ (Windsor Castle) เช้านี้ไปถ่ายรูปกันที่หน้าพระราชวังบัคกิ้งแฮมกันก่อน จากอดีตเพียงแค่คฤหาสน์ของดุ๊กแห่งบักกิ้งแฮม พระเจ้าจอร์จที่ 3 ได้ทรงซื้อต่อเพื่อเป็นพระตำหนักส่วนพระองค์ และได้ขยายต่อเติมไปตามแต่ละสมัย พระราชินีวิกตอเรียก็ทรงประทับที่นี่หลังจากขึ้นครองราชย์แล้ว ปัจจุบันเป็นที่ประทับของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 และพระสวามี ภายในพระราชวังมีห้องมากถึง 775 ห้อง ส่วนด้านหน้าจะมีพิธีการเปลี่ยนเวรยามของทหารรักษาพระองค์เวลา 11.00 น ถ้าใครอยากชมก็ต้องไปเกาะรั้วกันแต่เนิ่น ๆ เลยนะคะ นักท่องเที่ยวเยอะมากกกก d60d59d61ตรงข้ามพระราชวังคืออนุสาวรีย์พระราชินีวิคตอเรีย ราชินีผู้ครองบัลลังก์อังกฤษ 64 ปี ได้รับพระราชสมัญญานามว่า สมเด็จย่าแห่งยุโรป  d62d63ไปแวะถ่ายรูปกันต่อที่มหาวิหารเวสมินเตอร์ (Westminster Abbey) ได้สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ในสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ถือว่าเป็นมหาวิหารที่สำคัญที่สุดในอังกฤษ ใช้ประกอบพิธีสำคัญ ๆ ต่าง ๆ มากมายเช่น พิธีราชาภิเษก พิธีพระศพเจ้าหญิงไดอาน่า และยังเป็นสุสานหลวง ไว้ฝังพระศพกษัตริย์ ราชวงศ์ และบุคคลสำคัญ ๆd64สำหรับคนที่สนใจจะเข้าชม ควรเตรียมเวลาและเตรียมใจมามากหน่อยนะคะ คิวยาวมาก….d65d66ส่วนนาฬิกาบิ๊กเบน หรือชื่อจริงคือ หอนาฬิกาเวสต์มินสเตอร์ ปัจจุบันอายุกว่า 150 ปีแล้ว สร้างเสร็จในปี 1858 สูง 96.3 เมตร มีระฆังหนัก 14 ตัน หน้าปัดจัตุรัสกว้าง 7 เมตร ถือว่าเป็นหอฬิกาที่มีหน้าปัดใหญ่ที่สุดในโลกd67
หรือใครสนใจ Hop on Hop off ก็สะดวกดีนะคะd70
ไปต่อกันที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของอังกฤษหรือ British Museum  เป็น 1 ในพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก มีของสะสมมากมายทั้งรูปปั้น รูปภาพ งานประติมากรรม ศิลปกรรมแขนงต่าง ๆ หลายยุคสมัย ตั้งแต่โรมัน กรีซ อียิปต์ เอเชีย โดยเฉพาะมัมมี่ ที่นี่ถือว่ามัมมี่สมบูรณ์มาก ถ้าใครชื่นชอบงานด้านศิลปะ ควรเผื่อเวลาไว้มาก ๆ เลยค่ะ ที่นี่เข้าชมฟรีนะคะ รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ –> https://www.britishmuseum.org/d71d73d72บ๊ายบายลอนดอนกันแล้วยังมีอีก 1 ปราสาทที่จะไปเที่ยวกันค่ะ นั่งรถไม่ถึงชั่วโมงก็มาถึงปราสาทวินเซอร์ (Windsor Castle) อีกหนึ่งปราสาทที่สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธยังเสด็จมาประทับ ตั้งอยู่ที่เมืองอีตัน (Eton) ด้านในไม่ให้ถ่ายรูปเลยมีแต่วิวด้านนอกมาฝาก รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ –> https://www.rct.uk/visit/windsor-castle d74d75d78d80ปราสาทถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าวิลเลียม ในศตวรรษที่ 11 สร้างด้วยไม้ ล้อมรอบด้วยกำแพง ตั้งอยู่บนหน้าผาหินปูนเหนือแม่น้ำเทมส์ กษัตริย์องค์ต่อ ๆ มาก็ได้มีการขยาย ต่อเติม จนใหญ่โตอย่างที่เห็นในปัจจุบัน  d76d81
วิวเมืองอีตัน (Eton)d79
ถ้าใครมีเวลามากหน่อยบริเวณเมืองวินเซอร์ก็น่าเดินเล่นนะคะ เป็นเมืองเล็ก ๆ ถ้ามีเด็กไปด้วยก็สามารถแวะเที่ยว Legoland ได้ แต่เราต้องมุ่งหน้ากันไปสนามบินฮีทโธรว์เพื่อกลับบ้านกันแล้วค่ะ จบทริป 16 วัน 15 คืน ตะลุย 5 ประเทศ อังกฤษ เวลส์ ไอร์แลนด์ ไอร์แลนด์เหนือและสก็อตแลนด์ สุข สนุกสุขสันต์ ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ รูปสวยบ้าง ไม่สวยบ้าง ชัดบ้าง เบลอบ้าง เพราะไม่ได้ตั้งใจจะถ่ายมาเพื่อรีวิวแต่พอกลับมานั่งดูรูปเลยคิดอยากจะแบ่งปันข้อมูลบ้างเผื่อใครสนใจอยากจะไปเที่ยวเส้นทางนี้ ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าค่า….d82

บทความส่งท้าย : เส้นทางนี้ถ้าใครมีเวลาหน่อย ต้องบอกว่า highly recommend เป็นเส้นทางที่เที่ยวแล้วไม่เบื่อค่ะ เจอเมืองบ้าง ธรรมชาติบ้าง ช้อปปิ้งบ้างสลับ ๆ กันไป ทำให้การเดินทางได้อารมณ์หลากหลาย สมาชิกแม้จะหลายวัยก็ไม่มีปัญหา ส่วนถนนหนทางก็อาจจะติดขัดเป็นปกติสำหรับเมืองใหญ่ แต่ถ้าออกนอกเมืองก็ถือว่าดีใช้ได้เลย โดยเฉพาะจุดแวะพัก มีทั้งห้องน้ำ ร้านขายของ ร้านกาแฟ ให้ลงไปยืดเส้นยืดสายได้ ถ้าเทียบกับยุโรปเมืองอื่น ๆ เรื่องห้องน้ำที่อังกฤษ ถือว่าหาได้ไม่ลำบากค่ะแล้วก็สะอาดใช้ได้ทีเดียว

ส่วนการเลือกเมืองว่าจะไปเมืองไหนดี เมืองไหนตัดออกดี คงต้องบอกว่าอยู่ที่ความชอบมากกว่า อย่างถ้าเป็นคุณผู้ชายก็อาจจะอยากไปเมืองแมนเชสเตอร์ ดูสนามโอลด์ แทรฟฟอด แต่สมาชิกร่วมทริปเราไม่อินกับบอลอังกฤษมากขนาดนั้นก็เลยไม่ได้เลือกเมืองนี้เข้ามาด้วย แต่ต้องบอกว่าไม่ผิดหวังเลยกับลิเวอร์พูล เมืองเก่าแก่ สวยงามสง่าทีเดียว ^^ ส่วนลอนดอน มีที่เที่ยวอีกมาก ต้องลองจัดสรรโปรแกรมเลือกเป็นโซน ๆ ไปจะได้ไม่เสียเวลาย้อนไปมา ส่วนไอร์แลนด์และสก็อตแลนด์ก็แนวธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าอยากได้อารมณ์ธรรมชาติและมีเวลาพอก็สามารถขึ้นไป Isle of Skye ได้ แต่จุดที่อยากแนะนำให้ไป แต่เรามาเจอข้อมูลหลังจากกลับจากทริปนี้แล้วคือ Falkirk (http://www.thefalkirkwheel.co.uk) เป็นลิฟท์ที่ยกเรือขี้นลง เป็นที่แรกที่คิดวิธีนี้เลยค่ะ เสียดายมาอ่านเจอช้าไป

อาหารการกิน อาหารฝรั่ง จีน ไทย ซีฟู้ด อิตาเลี่ยน ก็สลับ ๆ กันไปแล้วแต่เมืองไหน ร้านไหนจะเหมาะสม หรือเมืองไหนอะไรขึ้นชื่อ นอกจาก fish and chips อาหารประจำชาติแล้ว อย่างที่เมืองกลาสโกลว์ อ่านอยู่นาน สรุปอาหารที่ดังสุดก็คือ fish and chips นี่แหละค่ะ หรือที่ Windemere ดังเนื้อเป็ด ส่วน Afternoon Tea ที่ The Balmoral Hotel เอดินเบอระ บรรยากาศก็ใช้ได้ เป็นเหมือนโรงแรมผู้ดีสมัยก่อน มีคนมาสีไวโอลินให้ฟัง แต่ถ้าเทียบกับความคุ้มค่าแล้ว คิดว่าไม่คุ้มค่ะ ชา Twinings กับ scones ที่หลายร้านข้างนอกบางร้านทำได้ดีกว่า ถ้าที่ลอนดอน ร้านอาหารจีนที่เราไปทานคือ Golden mine อันนี้ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนที่อยู่ลอนดอนว่าเดี๋ยวนี้ร้านนี้ดีกว่า Four seasons ทุกคนก็ว่าใช้ได้ค่ะ 🙂 หรือร้านอาหารญี่ปุ่นอย่าง Mitsukoshi ก็ถือว่าโอเคเลย ที่อังกฤษร้านอาหารเยอะอยู่แล้ว เลือกกินกันได้ตามใจชอบค่ะ

ก่อนออกจากสนามบินลอนดอน เผื่อเวลาไว้เยอะหน่อยนะคะ เพราะแถวทำ refund ยาวมากกกก ภายใน Terminal ก็มีร้านอาหาร ร้านขายของ และที่สำคัญยังมีร้าน Harrods เผื่อท่านใดอยากจะช้อปปิ้งวินาทีสุดท้าย

หวังว่าข้อมูลที่รีวิวมานี้ น่าจะมีประโยชน์บ้างนะคะ ถ้าชอบท่องเที่ยวยังมีเส้นทางอื่น ๆ ที่ได้รีวิวไว้อย่างฝรั่งเศสตอนเหนือตรงแถบนอร์มังดี ลุ่มแม่น้ำลัวร์, ฝรั่งเศสตอนใต้ โพรวองซ์ อิตาลีตอนเหนือ โดโลไมต์ เยอรมนี ออสเตรีย เชค ไอซ์แลนด์ นิวซีแลนด์เกาะใต้ ตามอ่านกันได้นะคะ…

บันทึก

บันทึก

บันทึก

บันทึก

บันทึก

บันทึก

Leave a comment