รีวิวเที่ยวยุโรปตะวันออก ตอนที่ 7 : เมืองคาร์โรวี วารี (Karlovy Vary) และเมืองเชสกี้ คลุมลอฟ (Český Krumlov)

วันที่สิบสี่ของการเดินทางแล้วค่ะ เที่ยวกันเพลินใจมากกก เช้านี้เราเช่ารถแบบ 10 ที่นั่งพร้อมคนขับไปเมืองคาร์โรวี วารีกัน (Karlovy Vary) รถมารับ-ส่งที่หน้าโรงแรมเลยค่ะ f108สายรุ้งระหว่างทางf113ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงเมืองคาร์โรวี วารี (Karlovy Vary) กันแล้ว เมืองนี้ตั้งอยู่บนสองฝั่งแม่น้ำเทปล้า เป็นเมืองน้ำแร่ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโบฮีเมีย มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ชื่อคาร์โรวี หรือ คาร์ล ภาษาอังกฤษว่าชาร์ลส์ ชื่อของกษัตริย์ผู้ปกครองเชค และวารี แปลว่าบ่อน้ำร้อน แปลรวมกันก็เป็นบ่อน้ำพุของคาร์ล ส่วนอีกเมืองที่โด่งดังเรื่องสปาเหมือนกันคือเมืองมาเรียนสกี้ ลาซเน่ (Mariánské Lázně) เมืองนี้เราไม่ได้ไปค่ะ คิวแน่นมว๊ากกกก หาที่แทรกไม่ได้เลยจริง ๆ f109f110
แวะทานอาหารกลางวันกันที่ร้านอาหารจีน ร้านนี้อยู่ทางด้านขวาที่รถม้าจอดอยู่f111
จากจุดจอดรถม้า เดินเลยมาแล้วลงบันไดมาเรื่อยๆ ค่ะf112
ตามตำนานกล่าวว่าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 ออกมาล่าสัตว์แล้วยิงหมาป่าได้ แต่หมาป่ายังคงวิ่งหนีไป พระองค์ก็ตามจนไปเจอที่บ่อน้ำพุร้อน ถึงทำให้พระองค์รู้ว่าที่นี่มีบ่อน้ำพุร้อนมากถึง 12 แห่งและมีคุณภาพที่เยี่ยมมาก มีคุณสมบัติในการรักษาโรคต่าง ๆ โดยแต่ละบ่อจะมีอุณหภูมิตั้งแต่ 30-73 องศาf114f115Sadova Kolonada (Park Colonade) ระเบียงไม้ลวดลายฉลุหวาน ๆ สไตล์วิคตอเรีย มีสวนเล็ก ๆ อยู่ข้าง ๆ เดินเข้าไปด้านในจะมีบ่องู ไม่มีงูนะคะ เป็นบ่อน้ำร้อนรูปงูแค่นั้น แต่ละบ่อจะมีหมายเลขกำกับไว้ว่าเป็นบ่อที่เท่าไหร่ ป้ายเป็นภาษาเชคที่เขียนว่า Pramen แล้วก็ระบุไว้ว่าอุณหภูมิเท่าไหร่เพราะแต่ละบ่ออุณหภูมิน้ำก็ไม่เท่ากัน
f116
มารยาทในการดื่มน้ำแร่ของเมืองนี้ ควรใช้ภาชนะเซรามิก ไม่ควรนำขวดพลาสติคไปรองน้ำแร่ตามบ่อต่าง ๆ แก้วชิมน้ำแร่ที่นี่มีลักษณะพิเศษตรงที่หูจับของแก้วจะทำเป็นปล่องไว้สำหรับดูดน้ำแร่ เรียกว่า Becher ราคาแก้วอยู่ที่ประมาณ 50-100 CZK   แล้วแต่ขนาด ไปสอยแก้วกันก่อน ร้านขายแก้วและขายของที่ระลึกมีตลอดทาง ของก็คล้าย ๆ กันแต่ราคาไม่เท่ากัน ดูจนพอใจราคาก่อนแล้วค่อยสอยค่ะ มีแก้วเป็นของตัวเองแล้ว ก็ต้องชิม รสชาติคือ…..ประมาณนั้น ต้องไปชิมเองf117f1
Becherovka หรือเหล้าสมุนไพร มีต้นกำเนิดจากเมืองนี้ ทำมาจากน้ำแร่ แอลกอฮอล์ สมุนไพร เครื่องเทศ คิดค้นโดย ยาน เบเคอร์ ชาวเมืองคาร์โรวี วารี ถือว่าเป็นเครื่องดื่มชื่อดังของเชคเหมือนกัน วิธีดื่มก็ง่าย ๆ เปิดฝาแล้วก็ดื่มได้เลย หรือจะไปผสมเลมอน โทนิคก็ตามสบาย เพราะมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ด้วย รสชาติแรงประมาณนึง ดื่มนิด ๆ ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยแก้ท้องอืด ดื่มมาก ๆ ก็เมาสิค่ะ วันนี้ร้านปิดไม่รู้คนขายหายไปไหน ปกติก็ซื้อได้ที่บูธนี้มีหลายแบบ หลายขนาดให้เลือก ถ้าไม่ซื้อที่นี่ก็มีหลายเมืองวางขายอยู่ค่ะf130
Mlynska Kolonada (Mill Colonnade) ระเบียงที่มีเสาทั้งหมด 124 ต้น สร้างในช่วง คศ 1871-1881 โดยสถาปนิกที่ออกแบบโรงละครกรุงปราก Josef Zitek เริ่มแรกสร้างขึ้นมาเป็นอาคารไม้เพื่อให้ผู้คนได้มารองน้ำแร่ไปดื่มกันได้ ต่อมาถูกสร้างใหม่เป็นอาคารอย่างที่เห็น ได้เปิดใช้เมื่อ 05 มิถุนายน ค.ศ.1881  ภายในทางเดินมีก็อกน้ำพุร้อนอุณหภูมิต่าง ๆ กันอยู่ 5 บ่อ ส่วนด้านหน้ามีอีก 6 บ่อ และตรงนี้เคยใช้เป็นฉากสถานีรถไฟในภาพยนตร์เรื่องเจมส์ บอนด์ ตอน Casino Royale ในปี 2006f123f121f124ย้อนกลับไปหลายร้อยปีที่แล้ว เมืองนี้เป็นเมืองตากอากาศและมาพักรักษาตัวของเหล่าราชวงศ์ เศรษฐี อย่างจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซ่า พระเจ้าปีเตอร์มหาราชแห่งรัสเซีย หรือแม้แต่ศิลปินชื่อดังอย่างเกอเธ่ บีโธเฟ่น ก็เคยมารักษาตัวอยู่ที่เมืองนี้ ตึกสีพาสเทลสวย ๆ ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันส่วนมากแล้วถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ทั้งจากภัยธรรมชาติและในช่วงสงครามโลกที่กลายเป็นที่พักของพวกนาซีจนตอนหลังสงครามเมืองนี้ถูกครอบครองโดยโซเวียต f131f135
อีกมุมสวย ๆ ใกล้กับ Mill Colonadef119f134
เมืองนี้เดินง่ายมาก มีแม่น้ำอยู่ตรงกลาง อาคาร 2 ฝั่งก็เป็นร้านค้า ร้านอาหาร ส่วนถ้าใครต้องการแลกเงินเชคก็สามารถหาแลกได้ไม่ยากค่ะ ส่วนใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติมของเมืองนี้ก็ไปสอบถามได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวf125
ระหว่างทางเดินไป Market Colonade มีร้านขายของพรึ่บบบบ ส่วนตัวอาคารของ Market Colonade เป็นอาคารไม้สีขาว ลักษณะเป็นหน้าจั่ว สร้างขึ้นในช่วง คศ .1882-1883 บนพื้นที่เดิมของศาลาว่าการเมือง เพิ่งได้รับการบูรณะใหม่เมื่อ คศ 1992 ที่นี่มีบ่อน้ำร้อนอยู่ 3 จุดf122
บ่อที่ 2 Pramen Karla IV เป็นจุดบ่อน้ำแร่ที่เก่าแก่ที่สุด พระเจ้าชาร์ลสที่ 4 ทรงตามหมาป่าที่ยิงได้มาถึงจุดนี้ บ่อนี้อุณหภูมิสูงถึง 64 องศาเซลเซียส ด้านบนเป็นป้ายไม้แกะสลักเกี่ยวกับเรื่องราวนี้f1273
ตรงข้ามจะมีบันไดเดินขึ้นไปเป็นตึก Colonade มองตรงไปจะเห็น Church of St.Mary Madalene โบสถ์หัวหอมสีเขียว สไตล์บารอค เดิมทีเป็นเพียงโบสถ์เล็ก ๆ สร้างใกล้ ๆ กับหลุมฝังศพ ได้มีการปรับปรุงมาเรื่อย ๆ จนเกิดไฟไหม้เลยได้สร้างขึ้นมาใหม่ใช้เวลาสร้างทั้งหมด 3 ปี และได้เปิดในปี ค.ศ. 1737f126อาคารใหญ่ที่สุดในเมือง รูปทรงทันสมัย มีน้ำพุอยู่ 5 บ่อ และมีบ่อที่น้ำพุพุ่งสูงสุดของเมืองนี้ถึง 12 เมตร ความร้อน 73 องศา พุ่งจากแหล่งน้ำพุร้อนใต้ดินธรรมชาติที่ลึกลงไป 2,000 เมตร ด้วยอัตรา 2,000 ลิตรต่อนาที และมีรูปปั้นเทพีไฮเจีย (Hygieia) แห่งแอสคลีปีอุสตั้งอยู่ เป็นเทพีแห่งเภสัชกรรม รักษาโรคภัยไข้เจ็บf138
นอกเหนือจากแก้ว Becher ที่ซื้อกันไปแล้วยังมีตะไบเล็บคริสตัลสีสันชวนเอากลับบ้านมากกกราคาที่นี่ถูกกว่าปราก จัดไป ๆ มีทั้งไซส์เล็ก ไซส์ใหญ่ ราคาประมาณ 30-50 CZK และขนมเวเฟอร์ Oplatky wafers ที่มีส่วนผสมของน้ำแร่ มีหลายรสชาติให้เลือกชิมเลือกซื้อได้ค่ะf129IMG_5545ออกจากอาคารแล้วเดินต่อไปเรื่อย ๆ รถจะมารับเราอีกฝั่งจากที่ลงรถเมื่อตอนแรกค่ะ รูปปั้นที่เห็นเป็นลักษณะแบบนี้โดยมากแล้วในอดีตเมื่อเกิดโรคระบาด กษัตริย์หรือเจ้าเมืองจะวิงวอนขอพรจากนักบุญที่เคารพนับถือ เมื่อโรคระบาดสงบลงก็จะสร้างอนุสาวรีย์ลักษณะนี้ขึ้นเพื่อเป็นการตอบแทนf120f128f139Grand Hotel Pupp โรงแรมชื่อดังที่เคยใช้ถ่ายภาพยนตร์หลายเรื่องอย่าง เจมส์ บอนด์ ตอน Casino Royale และ The last holiday f132เดินต่อไปอีกนิดจะถึงจุดที่เรานัดคนขับรถมารับเรากลับปรากกันค่ะf118f133บ๊ายบายเมืองแสนสวยอีกเมือง หลับกันยาว ๆ ไป ประมาณ 2 ชั่วโมงถึงกรุงปราก คืนนี้เราพักกันที่กรุงปรากเหมือนเดิม แล้วตอนเช้าเราจะใช้บริการ http://www.ckshuttle.cz มารับเราที่โรงแรมไปส่งที่เมืองเชสกี้ คลุมลอฟ (Český Krumlov) เมืองสุดท้ายของทริปนี้ค่ะf141
วันเดินทางที่สิบห้า : เมืองเชสกี้ คลุมลอฟ (Český Krumlov ) อยู่ห่างจากกรุงปรากประมาณ 180 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เมืองนี้รถใหญ่ ๆ วิ่งเข้ามาไม่ได้ ต้องจอดอยู่ด้านนอก อนุญาตเฉพาะรถเล็กเท่านั้น  ที่พักเราคืนนี้ The Old Inn ตั้งอยู่ตรงจัตุรัสกลางเมือง náměstí Svornosti f140
ที่พักที่นี่ บรรยากาศดี ที่ตั้งเลิศ แต่ห้องกะทัดรัด เตียงนอนถึงตั้งแบบนี้f142f143
กองทัพเดินด้วยท้อง คนขับรถหนุ่มที่ไปรับเรามาจากปราก แนะนำร้านอาหารอิตาเลี่ยน Papa’s Living Restaurant ต้องข้ามสะพานไม้เล็ก ๆ ที่เชื่อมฝั่งเขต Latrán ไป จะมีรูปปั้นพระเยซูกับรูปปั้นนักบุญเนโปมุกอยู่ตรงสะพานf152f154f155เดินมาไม่ไกล ร้าน Papa’s Living Restaurant อยู่ทางด้านขวามือค่ะf144f146f145
อาหารอร่อย บรรยากาศดี้ ดี โดยเฉพาะวิวแม่น้ำด้านหลังร้านf147f149f148
หลังทานอาหารกลางวันกันเรียบร้อย ก็เดินชมนก ชมไม้ ชมเมืองนี้กันเพลิน ๆ
f150f153เมืองนี้เปรียบดั่งหยดน้ำงามแห่งโบฮีเมีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวัลตาวาและมีปราสาทกลางเหมือนกับที่กรุงปราก ต่างกันตรงที่เชสกี้ ครุมลอฟให้อารมณ์คล้าย ๆ เมืองในเทพนิยาย เล็ก ๆ น่ารัก ผู้คนก็ใช้ชีวิตกันไม่เร่งรีบเหมือนเมืองใหญ่อย่างกรุงปรากf156
บ้านเมืองทั้งหลายมีอายุเก่าแก่กว่า 300 ปีและไม่ถูกทำลายจากสงครามโลกทั้งสองครั้ง แถมช่วงที่ถูกปกครองโดยคอมมิวนิสต์ก็ไม่มีคนต่างถิ่นเข้ามาเลย จึงได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกกโลกในปี 1992 บ้านเรือนเน้นหลังคาสีแดงอมน้ำตาลดูเป็นเอกลักษณ์ไปทั้งเมือง
f157f214เดินไปทางข้างโบสถ์ St.Vitus จะไปชมวิวอีกมุมของเมืองนี้ ผ่านร้านกาแฟเกร๋ ๆ
f158ข้ามสะพานมาก็จะได้วิวโบสถ์ St.Vitus และบ้านริมแม่น้ำวัลตาวาf159f179โบสถ์สีเขียวทรงหัวหอมคือโบสถ์ St.Jose ส่วนหอคอยสีชมพูก็ Castle Towerf162f163
f165
ปราสาทคลุมลอฟแบบซูม ๆ พรุ่งนี้ค่อยไปเที่ยวกันค่ะf166
เมืองเล็ก ๆ เดินเล่นย้อนไปมาสบาย ๆ เล็งร้านขนมไว้หลังจากที่ทานกลางวันเสร็จ เลยต้องข้ามกลับไปที่ฝั่ง Latrán ไปทาน Trdelnik กันค่ะ เคยหม่ำแล้วที่ปราก รอบนี้ขอเป็นซินเนมอนของโปรดf167f168ข้าง ๆ กันเป็นร้านเครป จัดไปอย่าให้เสียf173ตบท้ายด้วยกาแฟร้านนี้ เราไม่หม่ำกาแฟ ไปชิมชากับโกโก้ร้อนแทน เชื่อว่าใครผ่านร้านนี้ต้องหมุนเล่นแน่ ๆf169
กลับไปนั่งอืดที่ห้องแป๊ป ก่อนไปดินเนอร์ที่ Krčma Šatlava ร้านอาหารชื่อดังของเมืองนี้ ตั้งอยู่หลังโรงแรม Grand ตรงจัตุรัสที่เราพัก ร้านนี้ต้องจองมาก่อนนะคะ คิวแน่นมว๊ากกกกกและหัวก็จะเหม็นมว๊ากกกก 555 ร้านตกแต่งสไตล์ยุคกลาง บางโซนก็เหมือนนั่งอยู่ในถ้ำ เสิร์ฟอาหารกันมาบนถาด ทานกันแบบนั้นเลยค่ะทั้งขาหมูย่าง ซี่โครง เนื้อ ปีกไก่ ซุปในขนมปัง Mix Grilled แซลมอนย่าง เบียร์ ขนมหวาน…อิ่ม อืด แอนด์ง่วงมากกกกก รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่  –> https://www.satlava.cz/  f170f172f171ด้วยที่พักเราตั้งอยู่ตรงจัตุรัสพอดี ได้ยินเสียงโป้งเป้งมาตั้งแต่เมื่อคืน พอเช้านี้เปิดหน้าต่างออกมาก็เป็นแบบนี้ค่ะf174
ถามพนักงานโรงแรมว่ามีงานอะไร จึงได้รู้ว่าวันนี้วันที่ 28 กันยายน เป็นวัน St.Wencelas หรือวันชาติเชค จะมีบูธของชาวบ้านมาตั้งออกร้านแล้วก็มีเวทีแสดงดนตรีหรือโชว์ต่าง ๆ โชคดีของเราจริง ๆ
f175f176
วันนี้เราเที่ยวกันมาเป็นวันที่ 16 ครึ่งเดือนกว่าแล้วววว เร็วมาก เช้านี้จะไปชมปราสาทคลุมลอฟกันก่อนที่ช่วงเย็นจะไปสนามบินเวียนนา บินกลับเมืองไทยกันแล้วค่ะ ข้ามสะพานไม้ไปฝั่ง Latrán ที่ตั้งของปราสาทคลุมลอฟ f177f178
เลยร้านพิซซ่าไปก็จะเจอ Red gate อยู่ด้านซ้ายมือ เลี้ยวเข้าไปโลดดดค่ะf182
มองย้อนกลับไป ตึกทางด้านซ้ายจะเป็น Informationf184บริเวณ Courtyard ที่ 1f183f185ผ่าน Red gate ประตูทางเข้าหลักมาแล้ว ตรงนี้เป็นจุดบ่อหมี มีเลี้ยงหมีไว้จริง ๆ นะคะ เนื่องจากตระกุลโรเซนเบิร์กที่เป็นเจ้าของสืบเชื้อสายมาจากตระกูลเก่าในอิตาลีชื่อ Orsini คำว่า Orsa แปลว่าหมีตัวเมีย คนในตระกูลก็เลยอยากแสดงให้เห็นว่าเราได้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลเก่าแก่นี้ แต่สัญลักษณ์จริง ๆ ของตระกุลคือกุหลาบสีแดง 5 กลีบ ตามจำนวนลูกชาย 5 คน ถ้าใครไปเที่ยวช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมิถุนายนจะมีการจัดงานเทศกาลกุหลาบ 5 กลีบf186
เข้ามาในส่วน Courtyard ที่ 2  จะเจอกับหอคอยคลุมลอฟ ถ้าใครอยากขึ้นไปชมวิวด้านบนก็ซื้อตั๋วก่อนนะคะ บริเวณใกล้ ๆ กัน รวมถึงตั๋วเข้าชมปราสาทก็ซื้อที่นี่เหมือนกันค่ะ หอคอยคลุมลอฟสูง 86 เมตร มีบันไดทั้งหมด 162 ขั้น ขึ้นไปแล้วก็จะได้ชมวิวงาม ๆ ของเมืองเชสกี้ คลุมลอฟ แต่เราไม่ได้ขึ้นนะคะ เดี๋ยวเราต้องไปเข้าชมปราสาท ค่อยไปชมวิวจากปราสาทด้านหลังแทนf187f188ด้วยตัวปราสาทตั้งอยู่บนหน้าผา ทางเดินบางช่วงก็มีชันบ้าง ถ้าใครใส่รองเท้าส้นสูง เนินนี้ไม่สนุกแน่ ๆ f190บริเวณ Courtyard ที่ 3 ภาพที่เห็นตรงกำแพงเป็นภาพปูนเปียกหรือที่เรียกว่า Fresco คนวาดต้องอาศัยความชำนาญและรวดเร็ว ต้องรีบวาดให้เสร็จก่อนที่ปูนจะแห้ง ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนั้นและทำให้สีติดทนทนนานเป็นร้อย ๆ ปี f191f192
แล้วเราก็นั่งรอไกด์มาพาเราเข้าชมปราสาท ที่นี่ไม่สามารถเดินชมเองได้ ต้องมีไกด์พาเข้าเป็นรอบ ๆ ด้านในมีทั้งโบสถ์เล็ก ๆ ห้องรับแขก ห้องนอน ห้องรับประทานอาหาร รถม้าที่ใช้ขนของไปให้พระสันตะปาปา ด้านในถ่ายรูปไม่ได้นะคะ ใช้เวลาชมราว ๆ 1 ช.ม.f189
เมื่อชมเสร็จแล้วจะออกมาตรงที่ Courtyard ที่ 4 มีร้านขายของที่ระลึก มีห้องน้ำ ส่วนถ้าใครอยากไปชมวิวเมืองเชสกี้คลุมลอฟ เดินไปทางด้านหลังกันต่อค่ะf193
เดินขึ้นกันต่อไปเรื่อยๆ ตรงนี้เป็นช่วงที่เชื่อมต่ออาคารพร้อมรูปปั้นนักบุญต่าง ๆ f196วิวเมืองเชสกี้ คลุมลอฟ หลังคาสีส้มทั้งเมือง ยิ่งมาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแข่งกันส้มเลยค่ะ f197f198
ถ่ายผ่านช่องกำแพง มีหลายช่องนะคะ แต่ทุกช่องก็จะมีนักท่องเที่ยวจับจองเพื่อเก็บภาพสวยๆ เหมือนกันf200
อีกมุมจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวแน่นตลอด ใจร่ม ๆ รอคิวนะคะ เดี๋ยวก็ถึงตาเราf201f199
ถ้าใครยังไม่หมดแรง เดินต่อไปเรื่อย ๆ จะเจอกับสวนสวยด้านบน ทั้งหมดที่เดินมานี่ถ้าไม่ได้ซื้อตั๋วเข้าชมปราสาทก็เดินชมได้ฟรีค่ะ
f205
สวนสวย ๆ ดอกไม้เปลี่ยนสีกันหมดแล้วf203f202f206
f207f213เดินย้อนกลับมาทางเดิมf211ผ่าน Red gate แล้วเลี้ยวขวาไปทางที่เราเดินขามา มีร้านพิซซ่าอร่อย Pizzeria Latrán ตรงข้ามกับร้านบาจา ไปทานกันค่ะf212f209f210เมืองนี้มีของ handmade ของตกแต่งบ้าน กระจุกกระจิกมากมาย แค่หน้าร้านก็สวยแล้วววf208
เดินไปดูปราสาทจากวิวข้างล่างบ้างf219f220
กลับไปวนเวียนแถวจัตุรัสกันต่อค่ะ f215f216f217
ร้านขายดอกไม้แห้ง  กลิ่นลาเวนเดอร์หอมชื่นจายยยย คนขายก็น่ารัก แม้จะคุยกันไม่รู้เรื่องแต่ก็แทบจะเหมาเค้ามาทั้งร้านเลย
f218
ได้เวลาอันสมควร รถ ckshuttle ก็มารับเราไปส่งที่สนามบินเวียนนา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 03.30 ชม. ถึงสนามบินแล้วไปที่เคาเตอร์สายการบิน เช็คอินกันก่อน เจ้าหน้าที่จะถามว่าในกระเป๋าที่โหลดมีของต้องทำ VAT Refund มั้ย ถ้าไม่มี ก็โหลดไปโลดค่ะ ถ้ามีหลังจากติด tag กระเป๋าแล้ว ยกลงมา ไปที่ที่เคาเตอร์ที่ทำเรื่องคืนภาษี ยื่นเอกสารแล้วก็โหลดกระเป๋าใหญ่ตรงนั้น แต่ถ้าของโหลดอยู่ในกระเป๋าใบเล็กที่จะลากขึ้นเครื่อง ก็โหลดกระเป๋าใหญ่ตามขั้นตอนปกติ หลังจากนั้นก็ผ่าน Passport Control จะเจอเคาเตอร์ด้านใน เพื่อประทับตราเอกสาร ทั้ง 2 กรณี ถ้าขอคืนเป็นเงินสด ต้องไปที่เคาเตอร์ Interchange แต่ถ้าขอรับเงินคืนเข้าบัตรเครดิตก็ย่อนที่ตู้ Global Blue หรือ Premier tax ได้เลยค่ะ *ขั้นตอนการขอคืนภาษีที่สนามบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง เช็คอีกครั้งก่อนเดินทางนะคะf2223f221ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่ะ เส้นทางแสนสวย ถ่ายรูปสวย ใช้มือถือถ่ายยังสวยได้ อาหารอร่อย ค่าครองชีพยังไม่สูงมาก พลาดไม่ได้นะคะ แล้วพบกับรีวิวอื่นได้เร็ว ๆ นี้ค่ะ

บทความส่งท้าย
1. สายการบิน : การเดินทางไปกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก ออสเตรีย เชค ฮังการี หรือยาวไปถึงมิวนิคแบบเรา เลือกที่จะเข้าออกเวียนนา หรือมิวนิค น่าจะดีกว่า ถ้าเข้าออกเวียนนา มี 3 สายการบินที่บินตรงให้เลือกค่ะ :

A. EVA Air : ราคาโปรถูกตลอดปี แต่ควรจองล่วงหน้าเนิ่น ๆ เพราะยิ่งใกล้วันเดินทางราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นโดยเฉพาะใครวางแผนเดินทางช่วงเทศกาล ปิดเทอมเดือนเมษายน ตุลาคม หรือว้นหยุดยาว เวลาบินก็ดีค่ะ ถึงสนามบินเวียนนาตอนเช้า ขากลับก็เป็นเที่ยวบินออกประมาณ 18.30 ยังมีเวลาเที่ยวได้อีกเกือบวัน

B. Austrian airline : เวลาบินก็ดีอยู่ค่ะ ถึงเวียนนาเช้า ขาออกเป็นช่วงค่ำ แต่สายการบินยุโรป ต้องเช็คเงื่อนไขดี ๆ ทั้งค่ากระเป๋า ค่าจองที่นั่งล่วงหน้ามีเพิ่มอีกขาละ 25 ยูโรต่อคน ไปกลับ 50 ยูโร (ค่าธรรมเนียมอาจเปลี่ยนแปลงได้นะคะ ก่อนจองอ่านดูดี ๆ ) หรือถ้าไม่อยากเสียค่าจองที่นั่งก็ลุ้นได้หน้าเคาเตอร์ตอนเช็คอิน ไม่ผิดกฎอันใด

C. การบินไทย (TG) เหมาะกับคนที่สะสม R.O.P ขาไปเวลาดี แต่ขากลับเวลาออกจากเวียนนาประมาณ 14.00 เร็วไปนิด หรือถ้าเลือกเข้าออกมิวนิค ก็การบินไทย รักคุณเท่าฟ้า บินตรง สบาย ๆ แต่ขากลับก็ออกเร็วเหมือนกันค่ะประมาณ 14.30 น.

D. สายตะวันออกกลาง (อันนี้ต้องแวะเปลี่ยนเครื่อง 1 ครั้ง) เช่น Emirates, Qatar airways, Etihad มีโปรออกมายั่วอยู่บ่อย ๆ แต่ถ้าเข้าออกบูดาเปสต์หรือปราก ไม่ค่อยแนะนำนะคะ เที่ยวบินน้อย เวลาต่อเครื่องไม่ค่อยสวย ราคาก็ไม่น่ารักซะเท่าไหร่

2. การเดินทาง : ถ้าเดินทางไปเองก็สามารถเดินทางด้วยรถไฟทั้งออสเตรียและเยอรมนีสะดวกมากค่ะ ยกเว้นเมืองเล็ก ๆ ที่บางครั้งอาจจะต้องต่อรถบัสเข้าไป แต่เดินทางด้วยรถสาธารณะก็ต้องระมัดระวังตัวพอสมควร เดี๋ยวนี้ในยุโรปผู้คนมากหน้าหลายตา ไม่หวังดีต่อนักท่องเที่ยวก็เยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ ส่วนที่เชค รถไฟอาจจะไม่ได้สะดวกมากนัก ส่วนมากจะเป็นรถบัสหรือไม่ก็สามารถจองรถส่วนตัวพร้อมคนขับได้ที่ –> http://www.ckshuttle.com เหมือนที่เราใช้ได้เลยค่ะ สะดวกสบาย รับ door-to-door หรือ beanshuttle แต่ควรเลือกโรงแรมกลางเมืองซักนิด จะได้ไม่ต้องปวดหัวกับการใช้รถสาธารณะอีกหรือถ้าอยากประหยัดงบลงไปอีกก็รถบัสสีเหลืองของ student agency ค่ะ ชื่อเป็นเด็กนักเรียน แต่ใคร ๆ ก็ขึ้นได้นะคะ เป็นรถบัสสาธารณะวิ่งระหว่างเมืองของประเทศเชค แต่ก็วิ่งข้ามออสเตรียและประเทศอื่น ๆ ด้วยค่ะ

3. การวางแผน : จะปวดหัวอีกนิดตอนเลือกเมืองว่าจะไปเมืองไหนดี ควรดูระยะเวลาที่เราสามารถเดินทางไปได้เป็นหลัก แล้วค่อย ๆ ดูความชอบและให้เหมาะสมกับผู้ร่วมทริปค่ะ เมืองอินส์บรูค พิพิธภัณฑ์สวาลอฟสกี้ Stubai Alps ไร่ไวน์ Loisium เมือง Melk อาจจะเป็นเมืองนอกสายตา เพราะว่านอกเส้นทาง แต่ถ้ามีเวลาพอ แนะนำว่าไม่ควรพลาดค่ะ

4. อาการการกิน : ไปยุโรป ก็หนีไม่พ้น หมู ไก่ เนื้อ แกะ แต่รสชาติอาหารจะออกเค็มนำมาก่อนเลย อันนี้ต้องเข้าใจกันก่อนว่าพ่อครัวแม่ครัวไม่ได้ทำเกลือหกนะคะ คงเหมือนคนไทยที่ชอบกินรสเผ็ด ๆ หรือ Fast food ก็มีให้เลือกเยอะอยู่ ส่วนร้านอาหารจีนสำหรับการเดินทางเส้นนี้ถือว่าหาไม่ยากค่ะ

5. ช้อปปิ้งอะไรดี : ไม่ช้อปเลยดีที่สุดค่ะ 555 แต่คงเป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็น McArthurglen Outlet ก็ถือว่ามีของให้เลือกค่อนข้างเยอะ ราคาโอเคอยู่ ที่ออสเตรียก็จะมีสินค้าจากฝั่งเยอรมนีมาขายเยอะหรือไม่ก็ช็อคโกแลตสารพัดรสชาติ ขนม Manner ของออสเตรียเอง เครื่องประดับ Swarovski ส่วนที่เชค นอกจากพวกเครื่องแก้วแล้วก็มีตะไบเล็บ ครีมท้องถิ่นยี่ห้อ Manufaktura กลิ่นหอม โดยเฉพาะกลิ่นเบียร์และไวน์ที่เป็นของขึ้นชื่อของเชคอยู่แล้ว

6. ความปลอดภัย : เดี๋ยวนี้จะเดินทางไปไหนก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ผู้คนมากหน้าแปลกตามาจากต่างถิ่นก็มากขึ้น ของมีค่าแนะนำว่าไม่ควรพกไปดีที่สุดค่ะ ทำให้เราต้องคอยระวังตัวมากขึ้น พาลจะทำให้เที่ยวไม่สนุก โดยเฉพาะเวลาไปในสถานที่ท่องเที่ยวที่คนมาก ๆ ก็ต้องเพิ่มตาเราให้มากขึ้นอีกนิดนึงค่ะ

สรุปว่าเส้นทางนี้ไปกี่ทีก็ชอบค่ะ

บันทึก

บันทึก

บันทึก

Leave a comment