รีวิวเที่ยวยุโรปตะวันออก ตอนที่ 5 : กรุงเวียนนา (Vienna) ออสเตรีย

วันที่สิบของการเดินทาง : เช้านี้เราจะไปช้อปปิ้งกันที่ McArthurglen Designer Parndof Outlet กันค่ะ ตั้งอยู่ที่เมืองพาห์นดอฟ (Parndorf) ห่างจากกรุงเวียนนาประมาณ 50 กม. ใช้เวลาเดินทางเกือบ 1 ชม. เส้นทางนี้เป็นทางเดียวกับที่จะไปเมืองบราติสลาว่า ประเทศสโลวาเกีย ถ้าใครมีแพลนจะไปเมืองนี้ต่อด้วยฮังการีก็ต้องวิ่งเส้นทางนี้ ออกนอกเมืองมาหน่อยจะเห็นกังหันลมมากมาย ออสเตรียถือว่าเป็นประเทศที่ผลิตพลังงานลมเยอะd41d44โชคดีที่เราไปกันแต่เช้า คนยังไม่ค่อยเยอะมาก แต่พอเริ่มสายหน่อย มหาชนผู้รักการช้อปปิ้งก็หลั่งไหลกันมามากมาย มีร้านดัง ๆ อย่าง Gucci, Prada, Coach, Polo, Ferragamo, Bally, Boss, Sketcher, Armani, Swarovski, Northface, Superdry, Samsonite, American Tourister, ร้านช็อคโกแลต Lindt, ร้านขนมเวเฟอร์ชื่อดังของออสเตรียยี่ห้อ Manner และอีกมากมายหลายร้าน รวมถึงร้านอาหาร ร้านฟาสฟู้ด Burger King ร้านกาแฟ ถือว่าเป็น outlet ที่มีร้านหลากหลาย ของมีให้เลือกเยอะ ถ้าใครมีโอกาสแวะที่นี่รับรองไม่ผิดหวัง  เวลาทำแพลนเดินทางอย่าลืมว่าที่นี่วันอาทิตย์ปิดนะคะ ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ –> http://www.mcarthurglen.com/at/designer-outlet-parndorf/en/ d42d40สำหรับการขอภาษีคืนสำหรับนักท่องเที่ยว (VAT Refund) ในกลุ่มประเทศเชงเก้นมีกฎข้อกำหนดแตกต่างกันออกไป ที่ออสเตรียสามารถขอภาษีคืนได้ถ้าซื้อของมูลค่าไม่ต่ำกว่า 75.01 ยูโร โดยสามารถแจ้งกับทางร้านค้าได้ว่าเราต้องการขอ VAT Refund คืน ทางร้านก็จะออกเอกสารมาให้และเราก็ไปทำเรื่องขอคืนที่สนามบินปลายทางสุดท้ายในกลุ่มประเทศเชงเก้นที่เราจะบินออก สำหรับภาษีที่ขอคืนนั้นสามารถเลือกได้ว่าจะเลือกรับเป็นเงินสดหรือเข้าบัตรเครดิต จะมีช่องให้เลือกอยู่ในแบบฟอร์ม สำหรับเงินสดก็จะโดนหักค่าธรรมเนียมนิดหน่อยตามจำนวนเงินที่เราได้รับคืนโดยคิดต่อใบ ส่วนบัตรเครดิตก็รอประมาณ 1-3 เดือน ถ้าใครไม่อยากไปเสียเวลาที่สนามบิน ที่เอ้าท์เลตนี้ก็สามารถดำเนินการได้เลยโดยจะมีเคาเตอร์ของ Global Blue และ Premier tax ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Planet แต่ยังไงแล้วก็อย่าลืมส่งเอกสารที่สนามบินปลายทางสุดท้ายเหมือนกันนะคะ ไม่เช่นนั้นในกรณีที่รับเป็นเงินสด ก็อาจจะโดนหักเงินคืน แล้วหักจากไหนหล่ะ ก็จากหมายเลขบัตรเครดิตที่เรากรอกเพื่อการันตีไว้ แต่ถ้าทำตามขั้นตอนเรียบร้อยก็ไม่มีปัญหาค่ะd39d43กรุงเวียนนาหรือ Wien (วีน) ในภาษาเยอรมัน เป็นเมืองหลวงของประเทศออสเตรีย เป็นศูนย์กลางทั้งด้านเศรษฐกิจและการปกครอง มีประชากรประมาณ 1.6 ล้านคน มีสถานที่ที่ได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกของยูเนสโก้ 2 แห่งคือเขตเมืองเก่าใจกลางกรุงเวียนนา (ศูนย์กลางของเขตเมืองเก่าคือโบสถ์เซนต์สตีเฟ่น หรือในภาษาเยอรมันเรียกว่า Stephansdom) และพระราชวังเชิงบรุนน์ นอกจากนี้ยังมีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง ลองเลือกดูได้จากเวบไซต์นี้ค่ะ https://www.wien.info/en (credit : pininterest)

vienna map ที่แรกที่เราจะไปเดินเที่ยวกันคือ Stadtpark สวนสาธารณะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง จากรูปด้านบนจะอยู่ทางด้านขวามือพื้นที่สีเขียว ๆd45
กรุงเวียนนา ถือว่าเป็นดินแดนแห่งดนตรีคลาสสิค เป็นเมืองสุดแสนโรแมนติคแห่งหนึ่งของโลก บ้านเมืองสวยงาม รูปปั้นที่อยู่ในสวนนี้คือโยฮันน์ ชเตราสส์ที่ 2 (Johann Strauß)  ราชาแห่งเพลงวอลซ์  บุตรชายของนักแต่งเพลงโยฮันน์ ชเตราสส์ มีน้องชาย 2 คนก็เป็นนักแต่งเพลงเช่นเดียวกัน โยฮันน์ ชเตราสส์ที่ 2 ได้ปฏิวัติรูปแบบวอลซ์ด้วยการยกระดับเพลงระบำชาวนาอันต่ำต้อย ขึ้นมาเป็นเพลงเพื่อให้ความบันเทิงแก่บุคคลชั้นสูงในราชสำนักฮัปสบวร์กได้ (credit: wikipedia) เพลงที่โด่งดังและมือชื่อเสียงมาจนทุกวันนี้คือ The Blue Danube แต่งขึ้นในปี ค.ศ.1886  d46d50บริเวณรอบ ๆ สวนสาธารณะ ร่มรื่นดีทีเดียว d48เดินข้ามถนน Parkring มา ทะลุเข้าไปเดินเล่นกันในเมืองนิดหน่อยก่อนที่จะไปทานข้าวเย็นกันที่ร้าน Ribs of Vienna มาถึง Kärntner straße ถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย เช่น ร้านเสื้อผ้า Mango, Zara, H&M , ร้าน Swarovski ห้างสรรพสินค้า Steffl หรือถ้าใครสนใจอยากได้กระเป๋าเดินทางแบรนด์เยอรมันชื่อดัง Rimowa ก็ตั้งอยู่ที่ Neuer Markt เดินไปเจอน้ำพุ Donnerbrunnen แล้วก็เลี้ยวขวาไปค่ะ ราคาถูกกว่าที่ไทยแน่นอน ส่วนถ้าใครอยากไปซุปเปอร์มาร์เก็ต Billa ตั้งอยู่บนถนน Singerstraße ยังมีอีกหลายจุดบริเวณนี้ที่น่าสนใจอย่าง  St.Stephen’s Cathedral ถนนช้อปปิ้งแบรนด์ดัง Graben และ  Kohlmarkt พรุ่งนี้ค่อยมาเจาะลึกกันอีกที วันนี้หิวแว้วววd70d71d72d73ร้าน Ribs of Vienna เดินกลับมายังถนน Kärntner straße เห็นร้านเสื้อผ้า Forever 21 ที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมด้านซ้ายมือ เลี้ยวเข้าไปซอยนั้นเลยค่ะ จะเป็นถนน Weihburggasse เดินตรงไปเรื่อย ๆ จนเห็นโบสถ์ Franciscan แปลว่ามาถูกทางแล้ว เดินตรงมาอีกนิด ร้าน Ribs of Vienna ตั้งอยู่ทางด้านขวามือ จะมีป้ายให้เดินลงไปชั้นใต้ดิน สิ่งที่เห็นคือ…คนหรือนี่ เต็มร้านเลยทีเดียว แนะนำให้จองมาก่อนนะคะ อย่างว่าเน๊อะเป็นร้านดัง นักท่องเที่ยวมาถึงที่นี่แล้วก็อยากมากินสักครั้ง อารมณ์เหมือนนักท่องเที่ยวมากรุงเทพแล้วไปยืนต่อคิวรอหน้าร้านผัดไทยพิศมัย ^^ ดังนั้นจองค่ะจอง http://essen.vienna.at/ribs-of-vienna.html  และ http://www.ribsofvienna.at/  เมนูที่สั่งมี Cesar’s Salad, French Onion Soup, Ribs of Vienna อันนี้เป็นจาน Signature และ Spareribs Mixed ที่เป็น Top Seller ของร้าน, Chicken Wings และเราก็ตั้งใจมากกก ตั้งใจกินมาก มีรูปถ่ายงาม ๆ มาอวด 1 รูป เยอะมาก อร่อยมากแล้วก็อิ่มมากกกก เปิดทุกวัน แน่นทุกวัน ควรจองไปก่อนนะคะจะได้ไม่เสียเวลา d89คืนนี้ไปพักกันที่ Radisson Blu Park Royal Palace Hotel ไม่ไกลจากพระราชวังเชินบรุนน์ และก็พบว่ามีรูปสวย ๆ 1 รูปเช่นเคย ^^ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับห้องพักและอาหารเช้าเลยซะนิด มุมนี้คือรอบ ๆ โรงแรมค่ะ โรงแรมนี้เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ ห้องพักดีงาม ทันสมัย จะมีแค่ห้องอาหารเช้าที่แขกมาพักเยอะเลยดูแน่น ๆ ไปหน่อย แต่อาหารอร่อย หลากหลายดีค่ะ https://www.radissonhotels.com/en-us/hotels/radisson-blu-vienna-royal-palace?cid=a:se+b:gmb+c:emea+i:local+e:rdb+d:cese+h:VIEZAd90วันเดินทางวันที่สิบเอ็ด : เช้านี้ไปชมพระราชวังเชินบรุนน์กันก่อนค่ะ พระราชวังนี้เป็นพระราชวังฤดูร้อน ส่วนพระราชวังฮอฟบวร์ก (Hofburg) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเป็นพระราชวังฤดูหนาวd91 ในปี ค.ศ. 1569 สมเด็จพระจักรพรรดิแม็กซิมิเลี่ยนที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ได้ใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อที่ดินบริเวณนี้โดยตั้งพระทัยจะเอาไว้เป็นที่ล่าสัตว์ ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่ชนชั้นสูงนิยมกันมาก พระองค์เห็นบ่อบาดาลได้ผุดขึ้นมาเลยตั้งชื่อว่าเชินบรุนน์ (Schönbrunn) Schön แปลว่าสวยงาม brunn แปลว่าน้ำพุ รวมกันแปลว่าน้ำพุอันสวยงาม ในภาษาเยอรมันเรียกว่า Schloss Schönbrunnd93 รายละเอียดการเข้าชม ซื้อตั๋ว ประวัติต่าง ๆ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.schoenbrunn.at/ แนะนำให้ซื้อตั๋วล่วงหน้าไปก่อนดีกว่าค่ะจะได้ไม่เสียเวลายืนรอคิว ยิ่งถ้าสาย ๆ หรือบ่ายแล้วคนรอคิวซื้อตั๋วยาวมาก และเราก็จะสามารถใช้เวลาเลือกดูตามความสนใจของเราหรือเพื่อนร่วมทริปเราว่าอยากเข้าชมมากน้อยแค่ไหน ในยุโรปตั๋วมักจะมีแบบซื้อแบบเดี่ยว ซื้อตั๋วรวมเข้าชมหลายที่หรือตั๋วพระราชวังที่รวมอยู่เป็น set combo หลัก ๆ แล้วที่นี่จะเป็นตั๋ว Imperial Tour สำหรับเข้าชม 22 ห้อง ราคา 18 ยูโรสำหรับผู้ใหญ่ และ Grand Tour เข้าชม 40 ห้อง ราคา 22 ยูโรสำหรับผู้ใหญ่ (*ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ เช็คกับเว็บไซต์ให้แน่นอนก่อนดีกว่า) โดยทั้งสองแบบ เราสามารถเดินชมได้เองและสามารถรับ Audio Guide เป็นภาษาอังกฤษได้ก่อนเข้าชม จุดนี้หลังจากผ่านประตูทางเข้าเข้ามาแล้ว  เป็นที่ขายตั๋ว ข้าง ๆ กันเป็นร้านกาแฟ ส่วนห้องน้ำลงบันไดไปด้านล่าง d92พระราชวังเชินบรุนน์ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1996 ถือว่าเป็นอนุสาวรีย์ทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่สำคัญที่สุดในประเทศ  ภายในอุทยานเคยเป็นที่ตั้งของสวนสัตว์แห่งแรกของโลกเมื่อ ค.ศ. 1752 ทางเข้าสวนสัตว์อยู่ทางด้านหลังของพระราชวังd94มาถึงยุคของปู่พระนางมาเรีย เทเรซ่า ที่ต้องการสร้างพระราชวังให้กับลูกชาย จึงได้มอบหมายให้สถาปนิคนาม Fischer ที่จบการออกแบบมาจากกรุงโรมเป็นผู้ออกแบบ แต่การก่อสร้างเป็นไปอย่างเชื่องช้า เมื่อสร้างได้แค่ตึกใหญ่ ปู่ของพระนางมาเรีย เทเรซ่าก็สวรรคต ก่อนที่จะตกเป็นของลูกชายคนโต ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของพระนาง ก่อนที่จะตกทอดมาที่น้องชาย ซึ่งก็คือพ่อของพระนางมาเรีย เทเรซ่านั่นเองd95พระองค์มีพระราชดำริอยากสร้างพระราชวังนี้ให้กับลูกสาว และสุดท้ายก็ได้เสร็จสมบูรณ์ในยุคของพระนางมาเรีย เทเรซ่า พระองค์และลูก ๆ ก็ได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่พระราชวังแห่งนี้ จุดที่จะเข้าชมอยู่ทางด้านซ้ายมือของอาคาร ด้านในจะมีห้องน้ำอีก 1 จุด แล้วก็ร้านขายของที่ระลึก ด้านในไม่อนุญาตให้สะพายกระเป๋าเป้หรือกระเป๋าที่มีขนาดใหญ่เกินไป สามารถฝากไว้ที่เคาเตอร์รับฝากได้ค่ะ ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เตรียมตัวเข้าชมโดยรอดูรอบเวลาได้บนหน้าจอ เดินไปตามทางเรื่อย ๆ ค่ะ เมื่อถึงรอบเราแล้วก็ใช้บัตรหรือเอกสารที่เราพิมพ์มาที่มีบาร์โค้ดผ่านเข้าไป ถ้าใครสนใจอยากฟัง Audio guide ก็รับได้หลังจากผ่านเข้ามาแล้วค่ะ ด้านในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปนะคะ เดินชมเพลิน ๆ ดูความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ออสเตรียในอดีต e1เรื่องราวด้านในส่วนมากจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระนางมาเรีย เทเรซ่าและลูก ๆ รวมถึงพระเจ้าฟรานซ์ โจเซฟที่ 1 และพระนางอลิซาเบธ หรือซีซี่ จักรพรรดินี ซึ่งยุคของพระนางมาเรีย เทเรซ่าและพระเจ้าฟรานซ์ โจเซฟ ห่างกันร้อยกว่าปีทีเดียว e2เดินมาทางด้านขวาของอาคาร จะมีทางเดินไปทางด้านหลังเพื่อชมสวนสวย ๆ d96d97พระราชวังนี้ได้ต้นแบบมาจากพระราชวังแวร์ซายส์ ประเทศฝรั่งเศส เป็นอาคารสีเหลือง 3 ชั้น ซึ่งเป็นสีที่พระนางมาเรีย เทเรซ่าทรงโปรด ในสมัยนั้นมีการออกกฎว่าบ้านเรือนห้ามทาสีเหลืองเพราะเป็นสีของพระราชวัง มีทั้งหมด 1,441 ห้อง แต่ไม่ได้เปิดทั้งหมดนะคะ ห้องที่เปิดให้ชมทั่วไปจะเป็นห้องทรงงาน ห้องจัดงานเลี้ยง ห้องบรรทม ห้องนั่งเล่น มีรูปภาพวาดต่าง ๆ ประดับตามผนัง รูปปั้นของพระนางซีซี่ ที่ผมยาวถือข้อเท้า d99รูปปั้นในสวนมีเรียงรายอยู่ทั้ง 2 ด้าน ทั้งหมด 32 รูปปั้นขนาดเท่าคนจริงออกแบบโดยศิลปินและนักออกแบบสวนชาวเยอรมัน Johann Wilhelm Beyer สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1773-1780 โดยเป็นรูปปั้นเกี่ยวกับเทพในตำนาน เช่น Hygieia เทพเกี่ยวกับสุขภาพและความบริสุทธิ์ Paris เจ้าชายแห่งกรุงทรอย Heracles หรือเฮอร์คิวลิส เทพเจ้ากรีซ ลูกของเทพซูส อย่างรูปปั้นด้านล่างนี้คือ Janus และ Bellona สังเกตดูว่ารูปปั้นของ Janus จะมี 2 หน้า เป็นเทพแห่งทางเข้า (God of Gates and doorways) และจุดเริ่มต้นของศาสนาโรมัน โดยชื่อเดือน January ก็ได้ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้แก่พระองค์ ส่วน Bellona คือเทพแห่งสงคราม (God of War)e12ส่วนใครใคร่เมื่อยก็มีเก้าอี้ให้นั่งพักเป็นจุด ๆ  ไป แต่ ๆ ยังเมื่อยไม่ได้ค่ะ มองไปไกล ๆ บนโน้นนนจะเห็นประตูชัย Gloriette เดี๋ยวจะเดินขึ้นไปกันd98น้ำพุเนปจูน เทพเจ้าผู้ครองมหาสมุทร ตั้งอยู่ตรงสุดปลายทางก่อนจะขึ้นไปชมด้านบนกัน เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1776 ใช้เวลาสร้างทั้งหมด 4 ปีและเสร็จสมบูรณ์ก่อนจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซ่าจะสวรรคตe4ทางให้เดินขึ้นมีทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ด้านไหนก็ได้ค่ะยังไงก็ไปถึงด้านบนเหมือนกัน ทางโค้งไปโค้งมา แค่พอเหนื่อยนิดหน่อย  Gloriette ได้สร้างขึ้นบนเนินเขาในปี ค.ศ. 1775 เป็นศิลปะแบบคลาสสิค ลักษณะประตูโค้ง ประดับด้วยเสาทั้งหมด 32 ต้น  บริเวณตรงกลางทางด้านบนมีสัญลักษณ์ของนกอินทรีย์เหยียบลูกโลก เปรียบให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซ่า มีคำจารึกไว้ว่า JOSEPHO II. AVGVSTO ET MARIA THERESIA IMPERANTIB. ERECT. CI)I) CCLXXV และมีรูปปั้นถ้วยรางวัลเรียงรายอยู่ทั้ง 2 ข้าง e9ในช่วงศตวรรษที่ 19 ห้องโถงด้านในมักจะถูกใช้เป็นห้องรับประทานอาหาร มีครัวสร้างไว้อยู่ใกล้ ๆ เพื่อปรุงอาหารและพร้อมเสิร์ฟ จนกระทั่งถูกทำลายลงในปี ค.ศ. 1925 หนึ่งปีหลังจากนั้นกระจกก็ได้รื้อถอนออกไป ในปี ค.ศ.1945 ปีกทางตะวันออกถูกบอมบ์ระเบิดทำลาย แต่ก็ได้มีการสร้างกลับขึ้นมาใหม่ในระหว่างยุคสงคราม และได้รับการบูรณะอย่างสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1994-1995 ปัจจุบันด้านบนเป็นร้านกาแฟ Café Gloriettee7มองลงมาจะเห็นอาคารหลักของพระราชวัง และถ้ามองไปไกล ๆ โน้นนนทางด้านขวามือของรูปจะเห็นมหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองe6วิวสวย ๆ ระหว่างทางเดินลงe10e11ถ้ามาเที่ยวช่วงอีสเตอร์ ราว ๆ เดือนเมษายนก็จะมีร้านค้าขายของ ขายเครื่องดื่มตรงบริเวณสวนด้านหน้าของพระราชวังe14e13e15ออกจากพระราชวังแล้ว รถมาส่งเราตรงถนน Burgring ถนนเส้นนี้จะเห็นอาคารสวยงามมากมายและที่ดูเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้อีกอย่างก็คือรถราง ถือว่าเป็นหนึ่งในระบบรถรางที่ใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มใช้งานครั้งแรกในปี ค.ศ. 1865 รวมระยะทาง 172 กิโลเมตร จำนวน 1,031 สถานี สามารถซื้อตั๋วผ่านทางออนไลน์ Wiener Linien Online Shop หรือตามสถานีต่าง ๆ ร้าน tobacconists หรือถ้าซื้อบนรถก็ได้แต่ค่าตั๋วจะแพงกว่าค่ะ ค่าตั๋วมีแบบใช้ครั้งเดียว (single ticket) ราคา 2.40 ยูโร หรือจะซื้อเป็นแบบราย 24 ชม. 48 ชม. หรือ 72 ชม. ก็ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มากน้อยแค่ไหน ที่สำคัญอย่าลืม Validate ตั๋วก่อนขึ้นเครื่อง เพราะการที่เราไม่ได้ Validate ในตั๋วเราก็จะไม่โชว์ว่าเราเริ่มใช้ครั้งแรกเมื่อไหร่ ถ้าเจ้าหน้าที่มาตรวจก็ถือว่าผิดนะคะ  d49d68จัตุรัสที่สำคัญ Maria-Theresien-Platz  มีรูปปั้นจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซ่า ตั้งอยู่ตรงกลาง พระองค์ทรงเป็นประมุขที่มีอิทธิพลของออสเตรียและทวีปยุโรป มีพระราชโอรสและพระราชธิดารวม 16 พระองค์และหนึ่งในนั้นคือ พระนางมารี อังตัวเนตต์ ที่ได้อภิเษกสมรสกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ในช่วงปฎิวัติฝรั่งเศสถูกประหารด้วยเครื่องกิโยติน ณ กรุงปารีส พระชนมายุเพียง 38 พรรษา ขนาบด้วยตึกแฝดตั้งประจันหน้ากันนั่นคือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Museum of Natural History Vienna) และอีกตึกคือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะ (Kunsthistorisches Museum) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1872-1891 ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บงานศิลปะที่ดีแห่งหนึ่งของโลกตั้งแต่ยุคกรีก โรมัน รวมถึงภาพวาดของศิลปินชื่อดังระดับโลกอย่าง ราฟาเอลหรือไมเคิล แองเจลโล d58d59พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะ ค่าเข้าชม 16 ยูโร ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.khm.at/ ถ้าใครสนใจด้านศิลปะควรเผื่อเวลาไว้มาก ๆ จะได้ดื่มด่ำได้เต็มที่d60แค่ทางเข้าก็อลังการงานสร้างมากd83d84d85ด้านในแบ่งเป็นโซน เลือกชมได้ตามใจชอบ รูปที่ถ่ายมามีเยอะมาก ที่ลงมานี้แค่บางส่วนd80d81d82d86d87d88
เดินข้ามจากจัตุรัสมาเรีย เทเรซ่ามาจะเจอกับประตู Burgtor หรือ Outer Castle Gate แปลว่าประตูพระราชวัง มีทางเข้าทั้งหมด 5 ช่อง โดยช่องกลางสำหรับราชวงศ์เท่านั้น สองข้างถัดมาสำหรับรัฐมนตรีต่าง ๆ และ 2 ช่องนอกสุดสำหรับประชาชนทั่วไป สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงชัยชนะที่มีต่อนโปเลียนในศึกไลป์ซิก ในช่วงเดือนตุลาคม ค.ศ. 1813 ที่ออสเตรียสามารถเอาชนะกองทัพของนโปเลียนที่มีจำนวนมากกว่าได ้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1821 และเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.1824 ซึ่งครบรอบ 11 ปีของสงครามครั้งนั้น ด้านบนมีชื่อกษัตริย์ Francis I  จักรพรรดิของออสเตรีย 1824 ด้านล่างเป็นภาษาลาติน LAURUM MILITIBUS LAURO DIGNIS MDCCCCXVI –  Laurels to Soldiers Worthy of Laurels 1916 – รำลึกถึงทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 d61
e16
เดินผ่านเข้าไปทางด้านขวามือคือ Neue Burg ถือว่าเป็นปีกใหม่ของพระราชวังฮอฟบวร์ก (New wing) เป็นส่วนต่อขยายที่ได้สร้างเพิ่มเติมขึ้น พระเจ้าฟรานซ์ โจเซฟ โปรดให้รื้อกำแพงเมืองที่ล้อมรอบเขตเมืองเก่าออกเพื่อที่จะขยายเขตเมืองให้ใหญ่ขึ้น โดยพระองค์ได้ทรงตรัสไว้ว่า “It is my will” โดยถนนเส้นรอบนอกก็คือถนนวงแหวนหรือ Ringstrasse ความจริงแล้วต้องมีตึกตรงข้ามกับ Neue Burg เหมือนกัน แต่เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 จึงไม่ได้มีการก่อสร้างขึ้น ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับวัตถุโบราณ เครื่องดนตรีโบราณของคีตกวีเอก ทั้งโฮเดน บีโธเฟ่นและชูแบร์ก การจัดแสดงเครื่องดนตรีต่าง ๆd63ลานหน้าพระราชวังใหม่มีรูปปั้นของเจ้าชายออยเกิ้นแห่งซาวอย (Prince Eugene of Savoy) แม่ทัพที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะศึกกับสุลต่านออตโตมันแห่ตุรกีที่ยกทัพเข้ามาปิดล้องกรุงเวียนนาเมื่อปี ค.ศ. 1683 จนพ่ายแพ้กลับไป เจ้าชายออยเกิ้นยังได้สร้างพระราชวังเบลเวเดียร์ไว้เป็นที่ประทับ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงผลงานศิลปะที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของกรุงเวียนนาd64ตรงกันข้ามคือ Heldenplatz (Hero’s Square) ที่ตั้งอนุสาวรีย์ของอาร์คดยุค คาร์ล (Erzherzog Karl-Equestrian) เจ้าชายแห่งจักรวรรดิออสเตรีย ได้เป็นจอมพลของกองทัพออสเตรียในวัย 25 ปี ในปี ค.ศ.1809 ช่วงแรกของสงครามออสเตรีย-ฝรั่งเศส ครั้งที่ 4 (Austrian-French IV) ออสเตรียถูกกองทัพของนโปเลียนเข้ายึดครองกรุงเวียนนาในระยะเวลาไม่ถึงเดือน อาร์คดยุค คาร์ล จึงได้นำกองกำลังทหารในสังกัดตนเอง 10,000 นายและปืนใหญ่อีกหลายร้อยกระบอกเพื่อไปสู้กับกองทัพของนโปเลียนที่ริมแม่น้ำดานูบ ชานเมืองกรุงเวียนนา นโปเลียนสูญเสียทหารกว่า 40,000 นาย ซึ่งถือว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ อนุสาวรีย์ของอาร์คดยุค คาร์ล จึงได้ตั้งเด่นเป็นสง่าบนจัตุรัสฮีโร่แห่งนี้ แม้ว่าผลสุดท้ายออสเตรียจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสงคราม และออสเตรียได้ถูกให้เซ็นยอมรับสัญญาอัปยศ (Humiliation Contract) ที่พระราชวังเชินบรุนน์ โดยเสียดินแดนไปกว่า 20,000 ตร.ไมล์และต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามอีก 85 ล้านฟรังก์d65เดินตรงกันไปต่อค่ะ In der Burg ด้านซ้ายมือจะเห็นรูปปั้นจักรพรรดิฟราสซิสที่ 1 จักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และได้เปลี่ยนเป็น ฟรานซิสที่ 1 แห่งออสเตรีย ตั้งอยู่กลาง courtyard มีรูปปั้นผู้หญิงด้านล่างทั้ง 4 มุม แต่ละคนถือของในมือต่างกันไป โดยมีสัญลักษณ์แสดงถึงสิ่งที่ถือต่าง ๆ ด้านหน้าขวาถือดาบและมะกอกแสดงถึงสันติภาพ ด้านหน้าซ้ายถือไม้กางเขนที่ถูกขโมย แสดงถึงศรัทธา ด้านหลังถือโล่ห์และไม้ตะบอง แสดงถึงความเข้มแข็ง และอีกด้านถือดาบ แสดงถึงความยุติธรรม ด้านหลังตึกใหญ่ ๆ คือ Alte Burg หรือป้อมปราการเก่า ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของพระราชวังฮอฟบวร์ก (Hofburg Palace) ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ได้เรียกว่า Schweizertrakt (Swiss Wing) โดยมี Swiss Guards ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลพระราชวังd67ด้านขวามือคือ  The Swiss Gate (Schweizertor) ประตูสวิสเซอร์แลนด์แต่ก่อนคือทางเข้าหลักดั้งเดิมเพื่อเข้าสู่พระราชวัง เป็นประตูสีส้ม ๆ ที่รวมตัวกันของทหารสวิสรับจ้าง สร้างขึ้นใน ค.ศ.1552 เป็น 1 ในอนุสรณ์สถานสมัยเรเนซองส์ไม่กี่แห่งในกรุงเวียนนา ปีกนี้เป็นที่ตั้งของ Imperial Treasury เป็นที่เก็บเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และจักรวรรดิออสเตรีย ทุกวันอาทิตย์ยังมีการร้องเพลงของคณะนักร้องประสานเสียง Vienna Boys ที่ High Mass ใน Palace Chapel ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1449 ตรงประตูมีการจารึกชื่อของจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์ที่ 1 และเครื่องราชอิสริยาภรณ์รูปขนแกะทองคำ

e18มาถึงตรงนี้ ถ้าใครเหนื่อยก็พักทานกาแฟได้ที่ Cafe Hofburg ถ้าเดินต่อไปทะลุตัวตึกออกมาแล้วกลับหลังหันก็จะเจอกับโดมสวยงามอลังการของพระราชวังฮอฟบวร์กแบบนี้ค่ะd74พระราชวังฮอฟบวร์กเป็นที่พำนักของจักรพรรดิออสเตรียมากว่า 600 ปี และพัฒนาจนกลายเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของยุโรปที่เติบโตขึ้นตลอดหลายศตวรรษ ราชวงศ์ฮัปสบวร์กได้เริ่มปกครองออสเตรียในช่วงศตวรรษที่ 13 ในปี ค.ศ.1452 ได้รับเลือกให้เป็นจักรพรรดิแห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (The Holy Roman Empire) จนมาถึงจักรพรรดิแห่งออสเตรียในปี ค.ศ.1806 จนสิ้นสุดราชวงศ์ในปี ค.ศ. 1918 เริ่มต้นด้วยปราสาทที่มีป้อมปราการในยุคกลางช่วงศตวรรษที่ 13 จักรพรรดิแต่ละพระองค์ก็ได้ทำการต่อเติมขยายโดยการสร้างปีกหรือปีกใหม่ ขยายออกไปมากกว่า 240,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยปีกทั้งหมด 18 ปีก สนามหญ้า 19 แห่ง และมีจำนวนห้องมากถึง 2,600  ห้อง มีผู้คนอาศัยและทำงานอยู่ราว ๆ 5,000 คนในปัจจุบัน สนใจข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ –> https://www.hofburg-wien.at/d75รถม้านำเที่ยวชมเมือง ใครสนใจสอบถามราคากันดูได้ค่ะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เราอยากนั่งชม หรือถ้าใครสนใจชมโอเปร่า จะมีคนสวมชุดแบบสมัยก่อนมายืนขายตั๋วอยู่มากมายd77รูปทั้งหมดของพระราชวังฮอฟบวร์ก ใหญ่โตอลังการมาก  ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์มีให้เลือกชมมากมาย เช่น Sisi Museum, the Imperial Apartments, the Silver Collection เรื่องราวของพระนางซีซี่หรือจักรพรรดินีอลิซาเบธ  เป็นที่สนใจและจดจำได้เนื่องจากพระองค์มีรูปโฉมที่สวยงาม เป็นเจ้าหญิงมากจากเยอรมนี เคร่งครัดในการดูแลรักษารูปร่างตัวเองได้ดีเยี่ยม แต่แน่นอนว่าเรื่องราวไม่ได้สวยหรูเหมือนเจ้าหญิงในนิทาน เมื่อแต่งงานมาในราชวงศ์ฮัปสบวร์ก ปัญหาต่าง ๆ ที่ต้องเจอไม่ว่าจะกับแม่สามีของตนเอง ลูกชายที่เป็นรัชทายาทฆ่าตัวตาย และสุดท้ายพระองค์ก็ถูกลอบปลงพระชนม์ที่เจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์โดยนาย Luccheni ชาวอิตาลีฝ่ายต่อต้านราชวงศ์ ในวัย 60 พรรษา และนี่คือความยิ่งใหญ่ของพระราชวังฮอฟบวร์ก ถ้าใครเป็นสายพิพิธภัณฑ์ สายถ่ายรูป คงต้องเผื่อเวลาให้เวียนนาเยอะ ๆ เลยค่ะ (Cr: https://www.hofburg-wien.at/) hb3และที่อลังการงานสร้างอีกแห่งของกรุงเวียนนาคือห้องสมุดแห่งชาติ ตั้งอยู่ตรง Josefsplatz ถ้าเดินพ้นจากโดมใหญ่ ๆ มา จะเห็นร้าน Starbucks ทางขวามือ ให้เดินมาตามถนน Reitschulgasse จะผ่านโรงเรียนฝึกสอนขี่ม้า รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่  https://www.onb.ac.at/en/museums/state-hall  สร้างมาตัังแต่ศตวรรษที่ 18 ขนาดความยาว 80 เมตรและสูง 20 เมตร ตกแต่งด้วยสไตล์บารอคที่เน้นความสวยงามแบบอลังการ e19e21e20แต่ถ้าเป็นสายช้อป จาก Michaelerplatz ที่เป็นโดมสวย ๆ เดินตรงไปเรื่อย ๆ จะเป็นถนน Kohlmarkt มาล้มละลายกันได้ที่นี่ ไม่ว่า Gucci, Fendi, Ferragamo, Michael Kors, D&G, Moncler, Burberry ตั้งเรียงรายกันรอดูดเราเข้าไปในร้าน ส่วนร้านกาแฟร้านดังบนถนนเส้นนี้ต้องยกให้ Cafe Demel ถ้าร้านไอศครีมก็ Zanoni เดินมาเรื่อย ๆ จะเห็นทางตรงไปกับเลี้ยวขวา ถ้าตรงไปก็จะเจอร้าน Chanel, Louis Vuitton ถ้าเลี้ยวขวาไปเป็นถนน Grabene23เลี้ยวขวามาแล้ว เดินไปหน่อยนึง แลด้านซ้ายไว้จะมีทางเลี้ยวเข้าไป เป็นที่ตั้งโบสถ์ St.Peter สร้างขึ้นในสไตล์บารอค โบสถ์เล็ก ๆ แต่ข้างในสวยงามมาก ไม่เสียค่าเข้าชมค่ะe28e24e25เดินต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะมีร้านค้าดูดเราเข้าไปเรื่อย ๆ เช่นกันค่ะ แต่ ๆ ไปสถานที่ไฮไลท์ของกรุงเวียนนากันก่อน ตั้งอยู่บริเวณไม่ไกลจากนี้ มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น (St.Stephan’s Cathedral)  ถือว่าเป็นประมุขแห่งโบสถ์ทั้งปวงของกรุงเวียนนา ได้รับการบันทึกไว้ว่าสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1137 ตามสนธิสัญญา Mautern ระหว่างบาเบนบวร์ก ดยุคลีโอโพลด์ที่ 4 แห่งออสเตรียและบิชอปรีเกนมาร์แห่งพัซเซา เป็นโบสถ์โรมาเนสแห่งแรกของออสเตรียตั้งอยู่นอกกำแพงกรุงเวียนนาe27เชื่อกันว่าโบสถ์นี้ได้สร้างขึ้นเหนือซากโบสถ์เดิมในสมัยก่อน ส่วนที่โดดเด่นที่สุดของโบสถ์คือหอคอยทางทิศใต้ (Stephansturm) ที่มีความสูงถึง 136.4 เมตร  สร้างเสร็จในปี ค.ศ.1433 และเป็นหอคอยโบสถ์ที่สูงที่สุดในยุโรปในเวลานั้น ส่วนการก่อสร้างหอคอยทางทิศเหนือ (Adlerturm) ได้วางแผนที่จะสร้างในปี ค.ศ.1450 ยุคของจักรพรรดิเฟเดอริคที่ 3 แต่ได้มีเริ่มมีการก่อสร้างจริงหลังจากนั้น 17 ปีต่อมา ด้วยการต่อสร้างที่ไม่ได้ต่อเนื่องทั้งการปฎิรูป การสู้รับกับกองทัพเติร์ก ทำให้ต้องก่อสร้างป้อมปราการของเมืองเพื่อป้องกันศัตรูก่อน การก่อสร้างหอคอยทางทิศเหนือเลยสะดุดในช่วงปี ค.ศ. 1511  และได้มีการสร้างโดมครอบไว้ในปี ค.ศ.1578 และเป็นที่ตั้งของระฆังพุมเมริน ระฆังที่ใหญ่ที่สุด มีน้ำหนักถึง 21 ตัน ตั้งแต่ตุลาคมปี ค.ศ.1957 แทนอันเดิมที่เคยอยู่ทางหอคอยทางทิศใต้ที่ถูกทำลายไปในช่วงไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี ค.ศ.1945 e34.e35ทางเข้าด้านหน้าถือว่าเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุด มีหอคอย 8 เหลี่ยมขนาบประตูทางเข้าใหญ่ 2 ข้าง หลังคาตกแต่งด้วยกระเบื้องหลากสี e30ด้านในสามารถเข้าชมได้ฟรี แต่ถ้าใครอยากขึ้นชมวิวด้านบนสามารถชมได้จากหอคอยทางทิศใต้ ซื้อตั๋วก่อนนะคะ แล้วค่อยขึ้นบันไดวนทั้งหมด 343 ขั้น e31e33e32กรุงเวียนนาในช่วงยุคกลางได้มีการสร้างกำแพงสูงที่มีป้อมปราการตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 จนถึงปี ค.ศ. 1850 ด้วยความที่เมืองขยายใหญ่ขึ้นจึงมีบ้านเรือนต่าง ๆ ได้สร้างอยู่นอกกำแพงเมือง เพื่อเป็นการขยายเมืองจึงได้มีการรื้อถอนกำแพงโบราณออก ด้วยคำปรารภของจักรพรรดิ์ฟรานซ์โจเซฟที่ว่า “It is my will…” ในปี 1857 ขุนนางและชนชั้นสูงทั้งหลายน้อมรับและได้เริ่มสร้างอาคารที่สวยงามด้วยศิลปะที่ยังคงประวัติศาสตร์นิยมไว้ และได้เป็นถนนวงแหวน (Ringstraße) หนึ่งในถนนที่สวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง มีความยาว 5.3 กิโลเมตร สร้างขึ้นในยุคประวัติศาสตร์นิยมช่วงระหว่างปี 1860-1890 เช่นโรงละคร (State Opera) อาคารรัฐสภา City Hall, Burgtheater โรงละคร State Opera (cr : pininterest)   ring1 อาคารรัฐสภาออสเตรีย สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1874 โดยสถาปนิกที่ชื่อว่า Theophil Hansen ด้วยศิลปะแบบกรีซ เพื่อที่จะสะท้อนให้เห็นถึงกฎหมาย อิสรภาพ และแนวคิดนิยมอื่น ๆ ที่ได้พัฒนาโดยวัฒนธรรมกรีซe58น้ำพุขนาดใหญ่ตรงกลางระหว่างทางลาดทั้งสองมีรูปป้้นของเทพีอธีนา (Athena) เทพีแห่งปัญญา สงครามและสันติภาพของกรีซ ในมือถือเทพีไนกี้ เทพีแห่งชัยชนะ เทพีไนกี้มักจะปรากฎในอาคารด้วย เป็นเทพีผู้ขับรถม้าศึก ปีกของเทพีไนกี้เป็นสัญลักษณ์ลักษณะอันรวดเร็วแห่งชัยชนะ เทพีไนกี้ได้รับการบูชาร่วมกับเทพีอธีนา ผู้ซึ่งนางมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดด้วยหลังจากชัยชนะเหนือชาวเปอร์เชียนในยุทธการมาราธอน (Battle of Marathon) มีความสูง 5.5 เมตร สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1902 ซึ่งตอนนั้นสถาปนิก Hansen ได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ประติมากร Carl Kundmann ได้รับช่วงต่อและสร้างให้เสร็จตามความตั้งใจของสถาปนิกเพื่อให้รูปปั้นนี้เป็นสัญลักษณ์ของออสเตรีย   e40e42
รูปปั้นด้านล่างซ้ายและขวาแสดงถึงอำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติตามหลักพื้นฐานของรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม โดยแบ่งแยกอำนาจระหว่างรัฐสภาและฝ่ายบริหาร โดยรูปปั้นแสดงถึงอำนาจนิติบัญญัติมีสาสน์ของกฎหมายถืออยู่ในมือ ส่วนรูปปั้นที่แสดงถึงอำนาจบริหาร ถือดาบแห่งความยุติธรรมและตาชั่งคู่หนึ่ง แท่นกลางที่อยู่ตรงกลางของน้ำพุขนาดใหญ่มีแม่น้ำ 4 สายหลักเป็นตัวแทนของจักรวรรดิออสเตรียเพียงแค่ครึ่งเดียว มีแม่น้ำดานูบ แม่น้ำอินน์แม่น้ำเอลเบอและแม่น้ำวัลตาวา

e44ศาลาว่าการกรุงเวียนนา (Rathaus หรือ City Hall)  สร้างขึ้นในสไตล์นีโอโกธิค ระหว่าง ค.ศ. 1872-1885 ออกแบบโดยฟรีดิช ฟอน ชมิดด์ (Friedrich von Schmidt) สถาปิกผู้ที่ออกแบบมหาวิหารโคโลญ เป็นที่ตั้งของสำนักงานนายกเทศมนตรีกรุงเวียนนา เป็นสถานที่ประชุมของวุฒิสภาเมือง รัฐบาล จังหวัดและเทศบาล รวมถึงเป็นที่ตั้งห้องสมุดเวียนนา (Vienna City Library)e36ความสูงของหอคอย 97.9 เมตร เป็นอาคารที่สวยงามและเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเวียนนา มีห้องโถงภายในและลานด้านหน้าของอาคารที่กว้างขวาง จึงมีการจัดงานขึ้นที่นี่บ่อย ๆ เช่น ตลาดคริสต์มาส ลานสเก็ต หรือที่จัดคอนเสิร์ต งานเทศกาลภาพยนตร์ รวมถึงการจัดงานด้านกีฬาe41ตรงข้ามกับศาลาว่าการกรุงเวียนนาคือ Burgtheater โรงละครแห่งชาติ สร้างขึ้นใน คศ 1874-1888 ออกแบบโดย Gottfried Semper และ Karl von Hasenauer ในปัจจุบันได้รับการยอมรับว่าเป็นโรงละครเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในด้านศิลปะการละครของประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมัน ถ้าใครมีเวลาเหลือพอสามารถเข้าชมด้านในได้นะคะ จุดเด่นอยู่ที่บันไดขนาดใหญ่ที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีชื่อเสียงโดยกุสตาฟ คลิมม์ (Gustav Klimt) และน้องชาย Ernst Klimt และ Franz Matsch รวมถึงผลงานประติมากรรมของนักเขียนละครที่มีชื่อเสียง ค่าเข้าชมคนละ 8 ยูโร สามารถซื้อตั๋วได้ที่นี่เลย ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.burgtheater.at e43โรงอุปรากรแห่งชาติ (Wiener Staatsoper หรือ State Opera House) ตั้งอยู่ตรงหัวมุม Kärntner Straße ถือว่าเป็นหนึ่งในโรงโอเปร่าชั้นนำของโลก สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1863-1869 ในแบบนีโอเรเนซองส์ โดยสถาปนิกชาวออสเตรีย เปิดการแสดงรอบปฐมทัศน์ในวันที่ 25 พฤษภาคม 1869 เรื่องดอน จิโอวานี่ โดยโมสาร์ทต่อหน้าพระพักตร์จักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ และจักรพรรดินีเอลิซาเบธe47ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี ค.ศ.1938-1945 ถือว่าเป็นช่วงมืดมนของโรงละครโอเปร่าแห่งนี้ เมื่อนาซีได้บุกยึด ขับไล่ ฆ่าพนักงานที่โรงละครแห่งนี้และในวันที่ 12 มีนาคม 1945 อาคารได้รับความเสียหายจากการโดนทิ้งระเบิดบางส่วน มีเพียงอาคารหลัก บันไดหลักและห้องโถงที่รอดพ้นจากระเบิด ในวันที่ 05 พฤศจิกายน 1955 โรงโอเปร่าก็ได้เปิดให้บริการอีกครั้งพร้อมกับห้องโถงใหญ่และเทคโนโลยีที่ทันสมัย รูปปั้นม้ามีปีก 2 ตัวด้านบน ได้สร้างประดับไว้เมื่อปี ค.ศ.1876 แสดงถึงความสามัคคีและการรำพึงของบทกวี ส่วนรูปปั้นบรอนซ์ 5 ชิ้นด้านล่างแสดงถึงความกล้าหาญ, โศกนาฏกรรม, แฟนตาซี, ความขบขันและความรัก e45ทางด้านซ้ายและขวาของอาคารมีน้ำพุตั้งอยู่แสดงถึงตัวแทนของโลกทั้ง 2 ใบ ด้านซ้ายแสดงถึงดนตรี การเต้นรำ ความสุขและความคึกคะนอง ส่วนทางด้านขวาแสดงถึงความยั่วยวน ความเศร้า ความรักและการแก้แค้น ใครสนใจอยากชมโอเปร่าดี ๆ สักครั้งลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.wiener-staatsoper.at/en/e46รูปปั้นโมสาร์ท ตั้งอยู่ตรง Burggarten e38Albertina Museum Vienna พิพิธภัณฑ์อัลเบอร์ติน่า ตั้งอยู่ Augustinerstraße แรกเริ่มคือพระราชวัง Tarouca สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1744 ในสไตล์บารอค ต่อมาได้กลายมาเป็นที่พำนักของราชวงศ์ฮัปสบวร์ก และจักรพรรดิ Franz Stephen พระสวามีของพระนางมาเรียเทเรซ่าได้มอบให้กับบุตรเขยและพระธิดาคือ Duke Albert of Saxe-Teschen และ Marie Christine ลูกสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นที่โปรดปรานที่สุด และได้ตั้งชื่อว่า Albertina ตามชื่อขอดยุคท่านนี้ บริเวณส่วนนี้มี 21 ห้องที่ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราตามพระราชวังแวร์ซายส์ เมื่อระบอบกษัตริย์ล่มสลายลงในปี ค.ศ. 1919 รัฐบาลได้เข้ามาดูแลและปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีการแสดงโชว์ภาพพิมพ์ที่สำคัญและใหญ่ที่สุดในโลก มีทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม ศิลปะด้านกราฟฟิค ภาพถ่ายและสถาปัตยกรรม มีจำนวนภาพวาดมากกว่า 65,000 ภาพและภาพพิมพ์ต้นแบบกว่า 1 ล้านภาพ มีผลงานของศิลปินชื่อดังระดับโลกมากมายไม่ว่าจะเป็นแวนโก๊ะหรือโมเน่ต์e48นอกเหนือจากสถานที่หลัก ๆ แล้ว ใครยังมีเวลาเหลือก็สามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์หรือเดินเล่น ถ่ายรูป ได้ตามชอบใจเลยค่ะ ตึกต่าง ๆ ในย่านใจกลางเมือง สร้างมาแบบอลังการงานสร้าง แค่เดินเล่นถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ บริเวณนี้วันเดียวไม่น่าจะพอ ยิ่งถ้าเป็นสายชิมและช้อป น่าจะปลื้มกับเวียนนาไม่น้อย เอาแค่ร้านคาเฟ่ดัง ๆ แค่ยืนรอคิวก็เมื่อยแล้ว 555 ไม่ใช่ ๆ แต่ทั้งกาแฟ ขนม รวมถึงการตกแต่งร้านสวย ๆ ทำให้เคลิ้มเหมือนหลุดไปอยู่ในนิทานเจ้าหญิงยังไงอย่างนั้น อย่างร้าน Cafe Central ที่จัดได้ว่าเป็นร้านคาเฟ่แบบดั้งเดิม สร้างขึ้นตามศิลปะการตกแต่งแบบอิตาลีในปี ค.ศ. 1856-1860 และเคยเป็นที่ตั้งของตลาดหุ้นเวียนนาและธนาคารแห่งชาติของออสเตรียน-ฮังการเรี่ยนมาแล้ว ร้านนี้เป็นอีก 1 ร้านที่แนะนำให้จองมาก่อนนะคะ เป็น 1 ในสถานที่แนะนำโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ มีให้บริการทั้งอาหารคาว ของหวาน สลัด Schnitzel (หมูหรือเนื้อลูกวัวชุบแป้งทอดสไตล์เวียนนา) เค้ก กาแฟ บรรยากาศด้านในสวยงามครบจบได้ที่ร้านเดียวค่ะe49e59 ส่วนร้าน Schnitzel ชื่อดังอีกร้านก็ Figlmüller หรือถ้าใครอยากชิมเค้ก Sacher เค้กช็อคโกแลต ที่ตรงกลางมีแยมแอปพริคอตสอดไส้อยู่ เสิร์ฟพร้อมวิปครีมก็ต้องร้าน Cafe Sacher ของโรงแรม Sacher Wien หรือร้าน Cafe Demel ที่คิวยาวไม่แพ้กันe60นอกเหนือจากบริเวณใจกลางเมืองแล้ว ยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากในกรุงเวียนนา เช่น

1.พระราชวังเบลเวเดียร์ (Schloss Belvedere) อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Wien Hauptbahnhof เป็นที่ประทับของ Prince Eugene of Savoy ในช่วงศตวรรษที่ 18 e52e55e53e65 e61e63ปัจจุบันเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ดีที่สุดของออสเตรีย โดยเฉพาะเป็นที่แสดงงานศิลปะของ Gustav Klimt ที่มีผลงานที่มีชื่อเสียงอย่าง The Kiss และผลงานของศิลปินระดับโลกอย่างโมเน่ต์ แวนโก๊ะที่สวยงามอีกมากมาย รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ https://www.belvedere.at/en/e62e64e662. Hundertwasserhaus อพาร์ทเมนต์สีสันในกรุงเวียนนา สร้างขึ้นตามแนวคิดและแนวคิดของศิลปินชาวออสเตรีย Friedensreich Hundertwasser กับสถาปนิก Joseph Krawina ในฐานะผู้ร่วมสร้างสรรค์ (credit : wikipedia)e56e573. Naschmarkt ตลาดสดเก่าแก่ที่อยู่คู่กรุงเวียนนามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 มีขายของสารพัดอย่างตั้งแต่ผักสด ผลไม้ เนื้อสัตว์ แฮม ไส้กรอก ชีส  ถั่ว ขนมปัง คาร์เวียร์กระป๋อง เครื่องเทศ เครื่องปรุงต่าง ๆ ของเอเชียก็มีนะคะ อย่างซีอิ้ว มาม่า ไม่ใช่แค่ขายของอย่างเดียวที่นี่ยังมีร้านอาหาร หรือถ้าอยากทานอะไรง่าย ๆ ก็มีเคบับ ผัดหมี่ และทุกเช้าวันเสาร์ก็เปิดเป็นตลาดนัดขายของมือสอง ของตกแต่งบ้าน รูปภาพ เครื่องประดับ เปิดทุกวัน 06.00-19.30 ปิดวันอาทิตย์วันเดียวค่ะ e674. Karlskirche (St.Charles Cathedral) โบสถ์เซนต์ชาร์ลส :  ในช่วงปี ค.ศ. 1713 เกิดโรคระบาดใหญ่ลุกลามไปทั่วยุโรป ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก พระเจ้าคาร์ลที่ 6 ได้ทรงอธิษฐานว่าถ้าโรคระบาดสงบลง พระองค์จะสร้างโบสถ์ขึ้นเพื่ออุทิศแด่นักบุญเซนต์ชาร์ลส บอร์โรมีโอ นักบุกแคธอลิคนามเดียวกับพระองค์ โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์บารอคที่ใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือของแอลป์  สร้างขึ้นด้วยศิลปะสไตล์บารอคผสมผสานกับสไตล์โรมัน มุขด้านหน้ามีต้นแบบขากอาคารแพนธีออน หน้าโบสถ์มีเสาสูง 33 เมตร สองต้น จำลองแบบมาจากเสาทราจันในกรุงโรม มีการแกะสลักเรื่องราวของเซนต์ชาร์ลสผู้ที่ช่วยเหลือผู้ป่วยจากโรคระบาดในอิตาลีจนได้รับการยกย่องให้เป็นนักบุญe51e50สำหรับที่พักในกรุงเวียนนามีให้เลือกมากมาย เลือกเอาตามสะดวกเลยค่ะว่าอยากพักแบบใกล้ตัวเมืองหรือจะเลือกที่พักใกล้สถานีรถไฟหลักอย่าง Hauptbahnhof หรือ Westbahnhof หรืออยากชมวิวแม่น้ำดานูบก็มีโรงแรมให้เลือกอยู่หลายแห่ง ส่วนป้านั้นไปเวียนนามาหลายครั้ง พักมาครบทุกโลเคชั่นแล้วค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าทริปนั้นเดินทางด้วยพาหนะอะไรหรือมีแพลนต้องขึ้นรถไฟต่อไปเมืองอื่นหรือเปล่า อย่าง Motel One Wien-Staatsoper โรงแรมนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองใกล้กับ Karlsplatz และใกล้สถานีรถไฟใต้ดินด้วย หรือ Hilton Vienna Danube Waterfront ได้ชมวิวแม่น้ำดานูบ, Courtyard by Marriott Vienna Prater/Messe, Star Inn Hauptbahnhof, Hotel Mercure Wien City รูปที่พักที่ Motel One Wien-Staatsoper ค่ะh82h81วิวที่พักริมแม่น้ำดานูบh83บ๊ายบายด้วยภาพยามค่ำคืน ณ กรุงเวียนนาh84e54

รีวิวตอนต่อไป : กรุงปราก ประเทศเชค

รีวิวเที่ยวยุโรปตะวันออก ตอนที่ 6 : เที่ยวปราก ประเทศเชค

รีวิวตอนที่แล้ว –> เมืองฮาล์ลสตัทท์ (Hallstatt), เมืองเมลค์ (Melk) และไร่ไวน์ Loisium

รีวิวเที่ยวยุโรปตะวันออก ตอนที่ 4 : ฮาล์ลสตัทท์ (Hallstatt), เมืองเมลค์ (Melk) และไร่ไวน์ Loisium

บันทึก

One thought on “รีวิวเที่ยวยุโรปตะวันออก ตอนที่ 5 : กรุงเวียนนา (Vienna) ออสเตรีย

  1. ขอบคุณสำหรับภาพที่สวยงาม พร้อมการบรรยาย ครับ.

Leave a comment